23.10.55

สร้างบาปในเดือนแห่งบุญ


 นับแต่เริ่มก้าวย่างเข้าสู่เดือนรอมฎอน  ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่มุสลิมทุกคนต้องถือศีลอดและพร้อมใจกันตั้งมั่นอยู่ในคุณงามความดี  ทำจิตใจให้สอาดบริสุทธิ์  ปฏิบัติกิจอย่างเคร่งครัด  อยู่ใกล้ชิดกับอัลกุรอานเพื่อชำระจิตใจให้เข้าถึงหนทางแห่งสันติตามวิถีอันดีงามของอิสลาม  แต่ในท่ามกลางช่วงเวลาแห่งความดีงาม  กลับมีการกระทำอันชั่วร้ายจากผู้ที่อ้างตัวเองว่าเป็นมุสลิมซึ่งได้กระทำในสิ่งที่สวนทางกับหลักปฏิบัติของศาสนาโดยสิ้นเชิง
           การบิดเบือนศาสนาชนิดหน้ามือเป็นหลังมือของบรรดาแกนนำที่รับผิดชอบด้านจิตวิทยาของขบวนการ ว่าหากก่อเหตุร้ายหรือฆ่าคนต่างศาสนาในช่วงเดือนรอมฎอนนี้จะไม่เป็นบาป  แต่กลับจะได้บุญเพิ่มขึ้นเป็นสิบเป็นร้อยเท่านั้นเป็นเสมือนแรงกระตุ้นในบรรดานักรบฟาตอนีทั้งหลายเริ่มออกปฏิบัติการก่อกรรมทำเข็ญในพื้นที่อย่างถี่ยิบ  เริ่มตั้งแต่เหตุระเบิดที่สุไหงโกลกเป็นต้นมาจนถึงเหตุการณ์ประกบยิงเจ้าหน้าที่ขณะลาดตระเวนรักษาความสงบในเส้นทางให้กับประชาชนที่อำเภอมายอ จังหวัดปัตตานีเมื่อวันที่ 28 ก.ค.55  และล่าสุดเมื่อคืนวันที่ 29 ก.ค.55 ด้วยการลอบวางระเบิดเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ตลาดเก่า อ.เมือง จังหวัดยะลา  ซึ่งหลายเหตุการณ์นั้นส่งผลให้ทั้งเจ้าหน้าที่และประชาชนได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตไปนับสิบราย 
  ในทัศนะของผู้นำศาสนานั้นได้ออกมาเปิดเผยอย่างแน่ชัดว่า  “มุสลิมที่แท้จริงนั้นยิ่งต้องไม่กระทำบาปใดๆ ไม่เฉพาะแต่เพียงในช่วงเดือนรอมฎอนเท่านั้นแต่จะต้องปฏิบัติดีและเคร่งครัดในหลักศาสนาในทุกเวลา  โดยเฉพาะช่วงเดือนรอมฎอนซึ่งมุสลิมทุกคนจะถือศีลอด  เป็นเหมือนการฝึกความอดทนและแข่งขันการทำความดี” 
คำยืนยันชัดเจนของผู้นำศาสนาจึงเป็นการชี้ให้เห็นถึงเจตนาของแกนนำขบวนการที่นอกจากจะบังอาจบิดเบือนคำสอนทางศาสนาโดยไม่เกรงกลัวต่อ  พระเจ้าแล้ว  ยังได้ใช้กองกำลังภายใต้ความควบคุมออกปฏิบัติการก่อเหตุร้ายโดยไม่คำนึงถึงความสูญเสียของชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน  ไม่คำนึงถึงผลเสียหายจากการกระทำของกลุ่มตนที่เป็นต้นเหตุทำให้ศาสนาอิสลามต้องมัวหมอง 
เพราะในขณะที่พี่น้องมุสลิมทั่วโลกกำลังปฏิบัติศาสนกิจเร่งสร้างความดีตามแนวทางของพระเจ้า  เขาเหล่านี้กลับเป็นเหมือนแกะดำสร้างรอยด่างให้เกิดขึ้นกับศาสนาอิสลาม  ศาสนาที่พวกเขาอ้างว่ามีความศรัทธาอย่างแรงกล้า  แต่พวกเขากลับทำลายความดีงามของศาสนาของพี่น้องมสุลิมทั่วโลกให้เสื่อมเสียไปด้วย  ซึ่งการกระทำแบบไร้จิตสำนึกนี้   คนไม่มีศาสนาเท่านั้นที่จะกระทำเลวทรามต่ำช้ำได้ถึงเพียงนี้
ภายหลังการก่อเหตุร้ายมาโดยต่อเนื่องกระแสต่อต้านการก่อเหตุรุนแรงของขบวนการโดยประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศได้แพร่กระจายไปในวงกว้างโดยเฉพาะในโลกออนไลน์  รวมถึงกระแสความไม่เห็นด้วยกับการนำเสนอภาพการเผยแพร่คลิปวีดีโอการประกบยิงเจ้าหน้าที่ทหารในพื้นที่อำเภอมายอ ปัตตานี  จนเสียชีวิต 4 รายและบาดเจ็บ 2 รายได้สร้างกระแสการวิพากษ์วิจารณ์ถึงการกระทำที่ผิดหลักศาสนาและความโหดร้ายของผู้ก่อเหตุรุนแรงเป็นอย่างมาก  และในอีกมุมมองหนึ่งของการนำเสนอคลิปวีดีโอดังกล่าวของสื่อมวลชน  แม้ว่าจะเป็นเหตุการณ์ที่เกิดชึ้นจริงก็ตาม  แต่การนำเสนอแบบรีบร้อนไม่พิจารณาถึงผลที่จะตามมาซ้ำแล้วซ้ำอีกจึงเป็นการตอกย้ำโดยไม่คำนึงถึงญาติพี่น้องของผู้เสียชีวิตและเป็นการไม่ให้เกียรติผู้เสียชีวิตที่เป็นทหารซึ่งเสียสละชีวิตจากการปฏิบัติหน้าที่ด้วย  และนี่เป็นหนึ่งในจรรยาบรรณสื่อมวลชนที่เจ้าของสื่อสำนักต่างๆ ต้องตระหนัก  ไม่มุ่งแต่นำเสนอเพื่อสร้างความนิยมเพียงอย่างเดียว  เพราะสื่อมวลชนอาจตกเป็นเครื่องมือของผู้ก่อเหตุรุนแรงได้อย่างไม่รู้ตัว
การก่อเหตุในเดือนบุญข้างต้นนอกเหนือจากผิดหลักศาสนาของทุกศาสนาแล้ว  ในโลกแห่งความเป็นจริงการเข่นฆ่าทำลายชีวิตผู้อื่น  ย่อมผิดทั้งหลักการทางสังคมและกฎหมายด้วย  วอนฝากไปถึงท่านผู้นำศาสนา ท่านนักวิชาการในศาสนาอิสลามช่วยออกมาทำให้คนกลุ่มนี้ตาสว่าง  รวมถึงพี่น้องมุสลิมในจังหวัดชายแดนภาคใต้และทั่วประเทศได้ออกมาร่วมกันปกป้องหลักธรรมอันดีงามของศาสนาและประณามการกระทำของบุคคลกลุ่มนี้ที่ทำให้ศาสนาอันดีงามและบริสุทธิ์ต้องมัวหมอง  ส่วนในทางกฎหมายนั้นก็ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของฝ่ายความมั่นคงที่จะได้ติดตามจับกุมตัวมาลงโทษต่อไป เพราะสุดท้ายแล้วพระเจ้าต้องไม่เข้าข้างคนผิดแน่นอน

OIC แนะเปิดเสวนาสร้างความเป็นธรรมดับไฟใต้




         นายกรัฐมนตรีย้ำต่อเลขาธิการสันนิบาตมุสลิมว่ารัฐบาลไทยให้ความสำคัญในการแก้ไขปัญหาสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ด้วยสันติวิธี  ด้านเลขาธิการสันนิบาตมุสลิมโลก เชื่อปัญหาไฟใต้ของไทยยังไม่ยากเกินเยียวยา แต่การแก้ไขปัญหาต้องตั้งอยู่บนเงื่อนไขของความยุติธรรมในสังคม
           ดร.อับดุลเลาะห์ บิน อับดุลมุหชิน อัล ตุรกี เลขาธิการสันนิบาตมุสลิมโลก พร้อมคณะ เข้าเยี่ยมคารวะนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เนื่องในโอกาสเยือนประเทศไทยตามคำเชิญของสถาบันสิทธิมนุษยชนและสันติศึกษา มหาวิทยาลัยมหิดล และเข้าร่วมโครงการสัมมนานานาชาติเรื่องศาสนากับกระบวนการสร้างสันติภาพในภูมิภาคอาเซียน 
           โดยนายกรัฐมนตรีได้กล่าวยินดีต้อนรับเลขาธิการสันนิบาตมุสลิมที่ให้เกียรติเยือนประเทศไทยในครั้งนี้ โดยยืนยันว่าไทยพร้อมที่จะผลักดันความร่วมมือกับประเทศมุสลิมในภูมิภาคตะวันออกกลาง โดยเฉพาะด้านความมั่นคงทางอาหารและพลังงาน อันเป็นผลจากที่ได้เดินทางเยือนประเทศบาห์เรนและกาตาร์มาแล้ว ในการนี้ นายกรัฐมนตรีได้กล่าวขอบคุณเลขาธิการสันนิบาตมุสลิมที่ได้ให้ความสำคัญต่อการศึกษาของเยาวชนผ่านการมอบทุนการศึกษาแก่นักเรียนมุสลิมไทยได้ศึกษามาโดยตลอด 
               ด้านนายอับดุลลา อัล ตุรกี เลขาธิการสันนิบาตมุสลิมโลก หรือ OIC  ได้ขอให้รัฐบาลไทยร่วมเสริมสร้างสันติภาพในจังหวัดชายแดนภาคใต้โดยสันติวิธี ซึ่งนายกรัฐมนตรี ก็ยืนยันว่ารัฐบาลให้ความสำคัญทุกศาสนา และยึดแนวทางสันติวิธีในการแก้ปัญหามาโดยตลอด ผ่านกระบวนการพัฒนา แนวทางประชาธิปไตย และกระบวนการยุติธรรม แต่ทั้งนี้ก็หวังว่าจะได้รับคำแนะนำที่ดีต่อไปในอนาคต 
          เลขาธิการสันนิบาตมุสลิมโลก  ยังกล่าวอีกว่า ปัญหาเหตุการณ์ความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นเรื่องนี้เป็นเรื่องภายในของประเทศไทย และองค์สันนิบาตมุสลิมโลก ไม่เห็นด้วยกับการใช้ศาสนามาอ้างเพื่อก่อเหตุความรุนแรง   อย่างไรก็ตามปัญหาที่เกิดขึ้นถือว่ายังไม่ยากเกินแก้ไข เพราะไทยเป็นประเทศที่เปิดกว้างในเรื่องของศาสนา     การแก้ไขสามารถทำได้ด้วยการนำวิธีสานเสวนามาใช้ ขณะที่การแก้ไขปัญหาของภาครัฐจะต้องโดยตั้งอยู่บนเงือนไขของความยุติธรรมในสังคม และเปิดโอกาสให้ชนกลุ่มน้อยเข้ามีส่วนร่วมในการร่วมพัฒนาประเทศ
            ล่าสุดรัฐบาลก็มีแนวคิดที่จะแก้ไขมาตรา 21 ใน พ.ร.บ.ความมั่นคง โดยจะมีการเสนอเข้าหารือในการประชุมแก้ไขปัญหาความไม่สงบในพื้นที่ภาคใต้ ที่ฝ่ายค้านจะเข้าร่วมประชุมด้วยในวันพรุ่งนี้ ทั้งนี้ พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รองนายกฯ ยอมรับว่า เพื่อให้กระบวนการเข้ามอบตัวของผู้ก่อความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนใต้ รวดเร็วและรัดกุมมากขึ้น เนื่องจากกระบวนการยังมีความซับซ้อนและเป็นไปอย่างล่าช้า

‘เจ๊ะอาลี’มอบตัวสู้คดีป่วนใต้แกนนำค่าหัว1ล้านพร้อม100แนวร่วม



เมื่อวันที่ 11 กันยายน พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีแนวร่วมผู้ก่อความไม่สงบกลุ่มอาร์เคเค 80 คน เข้าพบ พล.ท.อุดมชัยธรรมสาโรรัชต์ แม่ทัพภาคที่ โดยมีเงื่อนไขยอมวางอาวุธหากได้รับประกันความปลอดภัยในชีวิตและจัดหางานเพื่อประกอบอาชีพ ว่า ถือเป็นหนทางที่ดีในการเปิดการเจรจากันอย่างสันติ แม้กลุ่มที่เข้าพบไม่ใช่หน่วยปฏิบัติการทั้งหมด โดยนายกรัฐมนตรี ได้แต่งตั้งคณะกรรมการประสานงานเพื่อสันติชายแดนใต้ พิจารณาเรื่องนี้แล้ว ซึ่งจะหารือร่วมกับกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) และ รมว.ยุติธรรม
บิ๊กอ๊อดเผย RKK, มอบตัว มทภ.4
พล.อ.ยุทธศักดิ์ กล่าวต่อว่า ทางแม่ทัพภาคที่ มีโครงการพาคนกลับบ้าน เพื่อให้ผู้ก่อความไม่สงบ เข้ามาเจรจากัน ซึ่งกลุ่มอาร์เคเค 80 คน ที่เข้าพบจะมีการหางานเพื่อประกอบอาชีพ ส่วนความผิดทางคดีอาญา ต้องดูว่าจะสามารถช่วยเหลือได้อย่างไรบ้าง
ผบ.ทบ.ไม่ค้านเลือกตั้งผู้ว่าฯ จว.
ด้าน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ.กล่าวถึงกรณี ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี เสนอให้มีการเลือกตั้งผู้ว่าราชการจังหวัด ว่า เป็นเรื่องของฝ่ายการเมือง ไม่คิดว่าถูกหรือผิด ต้องดูว่ามีความเป็นไปได้หรือไม่ ประชาชนในพื้นที่ต้องการอย่างไร ส่วนตนทำงานฝ่ายความมั่นคงคงต้องดูว่ามีผลดีหรือผลเสีย คุ้มหรือไม่ที่จะมีการเลือกตั้งผู้ว่าฯ ตนไม่ได้ขัดแย้งกับรัฐบาล แต่เราต้องมีทุกมาตรการในการป้องกันเหตุร้าย
ชี้เห็นผลการทำงานโจรใต้มอบตัว
ต่อข้อถามกรณีกลุ่มอาร์เคเค 80 คน เข้ามอบตัวกับแม่ทัพภาคที่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เป็นความก้าวหน้าที่เราทำงานแต่ไม่สามารถพูดได้ก่อน เรามีการติดต่อและพยายามพูดคุยกันมาตลอด ภาคประชาสัมคม พ่อ แม่ ญาติพี่น้องเขามีอยู่ กองทัพเปิดโอกาสให้ตลอด ขึ้นอยู่กับรัฐว่าจะสามารถดูแลผู้ก่อความไม่สงบเหล่านี้ได้มากน้อยแค่ไหน อีกประการ คือ เขาเห็นความโหดร้ายของฝ่ายผู้ก่อเหตุ เพราะคนส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วย จึงมอบตัว ส่วนอีกฝ่ายก็คงพยายามไม่ให้กลุ่มคนเหล่านี้มอบตัว เขาจึงใช้ความรุนแรง วันนี้ถือเป็นความสำเร็จอีกก้าวหนึ่ง ซึ่งเรื่องอื่นๆ คงจะตามมา
อ้างตรวจชื่อแล้วล้วนเป็นตัวจริง
ผู้สื่อข่าวถามว่า ทั้ง 80 คน ที่มอบตัวเป็นตัวจริงหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า มีการตรวจสอบแล้ว ทั้งหมดมีรายชื่อในทำเนียบกำลังรบของผู้ก่อความไม่สงบที่กองทัพจัดทำขึ้น ก็ต้องมาพิสูจน์ความจริงใจต่อกัน ถ้าไม่ใช่กลุ่มคนเหล่านี้จะมาให้จับทำไม ยืนยันว่าเราทำงานตามหลักการ ตรวจสอบละเอียดว่าคนเหล่านี้ทำไปโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์หรือไม่ ถูกหลอกจริงหรือไม่ ทุกอย่างต้องตรวจสอบก่อนเข้าสู่กระบวนการแก้ปัญหา
แกนนำโจร-พวก 100 คนมอบตัว
เวลา 13.30 น.ที่ สำนักงานคณะกรรมการอิสลาม จ.นราธิวาส พล.ท.อุดมชัย เป็นประธานรับการแสดงตัวยืนยันเพื่อยุติการต่อสู้ของนายแวอาลีคอปเตอร์ วาจิ หรือ เจ๊ะ อาลี” ที่ทางการเคยตั้งรางวัลนำจับ ล้านบาท โดยพบว่าเป็นตัวการวางแผนและสั่งการให้แกนนำระดับปฏิบัติการนำกำลังเข้าปล้นปืนที่กองพันพัฒนาที่ ค่ายกรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ เมื่อวันที่ มกราคม 2547 จนมีทหารเสียชีวิต นาย ซึ่งนายแวอาลีคอปเตอร์ ได้นำผู้หลงผิด 100 คน เข้าร่วมเป็นผู้พัฒนาชาติไทย ตามแผนพาคนกลับบ้าน โครงการประสานใจเพื่อสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้
ร่อนจม.เปิดผนึกขอคำมั่นฝ่ายรัฐ
ทั้งนี้ การแสดงตัวยืนยันยุติการต่อสู้ของนายแวอาลีคอปเตอร์ กับพวก ครั้งนี้ ได้ทำจดหมายเปิดผนึกในนามกลุ่มปลดปล่อยความขัดแย้งเขตปกครองใหม่มลายูปัตตานี มีข้อสรุปร่วมกัน คือ 1.เข็มมุ่งทางยุทธศาสตร์การต่อสู้ล้ำหน้ามวลชนและยาวไกลเกินไป 2.การชี้นำแนวทางขององค์กรนำ ไม่สามารถให้คำอธิบายได้ชัดเจนในทางยุทธวิธีเพื่อบรรลุยุทธศาสตร์อย่างเป็นระบบ และ 3.เมื่อสถานการณ์เปลี่ยนแปลง รัฐกำหนดนโยบายที่สร้างสรรค์มากขึ้น พวกเราจึงต้องกำหนดแนวทางใหม่ พร้อมกับขอทราบทิศทางความชัดเจนแนวทางปฏิบัติต่อข้อเรียกร้อง
สำหรับประเด็นข้อเรียกร้อง คือ 1.รัฐมีมาตรการดำเนินการต่อผู้ที่ยุติบทบาทการใช้ความรุนแรงอย่างไร โดยเฉพาะผู้ที่มีหมายจับ 2.รัฐจะจัดการความขัดแย้งให้เป็นรูปธรรมอย่างไรเพื่อให้ทุกภาคส่วนมีส่วนร่วมในการสร้างสันติภาพในพื้นที่ และ 3.รัฐมีหลักประกันเช่นไรในการกำหนดนโยบายให้สอดคล้องกับวิถีชีวิตประชาชนใน จังหวัดชายแดนภาคใต้ เราคาดหวังคำตอบที่เป็นรูปธรรม ซึ่งจะเป็นก้าวสำคัญที่จะสร้างสังคมให้มีความสันติสุขยุติความรุนแรงโดยสิ้นเชิง แม้มีบางกลุ่มยังเคลื่อนไหวด้วยวิธีรุนแรง แต่ที่สุดก็จะเป็นส่วนน้อยในทรรศนะของมวลชนส่วนใหญ่
โร่เช็คหมายจับก่อนให้ประกัน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การเข้ามอบตัวครั้งนี้เจ้าหน้าที่ด้านความมั่นคงมีการเช็คประวัติเป็นรายบุคคล หากมีหมายจับก็จะนำสู่กระบวนการสอบสวน และอนุญาตให้ประกันตัวสู้คดี ถ้าไม่มีหมายจับและตกเป็นผู้ต้องสงสัยในคดีความมั่นคงก็จะนำเข้าอบรมเพื่อสลายพฤติกรรม พร้อมทั้งหาอาชีพให้ทำเพื่อจะได้อยู่กับครอบครัวต่อไป
ชี้ดูแลดีมีหัวโจก 2 รายรอมอบตัว
รายงานข่าวแจ้งว่า หากรัฐบาลดูแลและให้ความเป็นธรรมต่อนายแวอาลีคอปเตอร์ และพวก อย่างดี อีกไม่นาน นายสะแปอิง บาซอ และนายมะแซ อุเซ็ง แกนนำคนสำคัญที่เคลื่อนไหวอยู่ก็จะประสานออกมาแสดงตัวยืนยันยุติการต่อสู้กับรัฐ ซึ่งมีแนวโน้มความเป็นไปได้สูง แต่คงขึ้นอยู่กับนโยบายของรัฐบาลและกองทัพ ที่ต้องกำหนดกรอบให้ชัดเจนเรื่องคดีความ
นอกจากนี้ แหล่งข่าวจากหน่วยงานด้านความมั่นคง เปิดเผยว่า การขอเจรจากับรัฐบาลเรื่องความขัดแย้งในจังหวัดชายแดนภาคใต้ของนายคัสตูรี มะโกตา หัวหน้ากลุ่มพูโล ซึ่งตั้งสำนักงานอยู่ที่ประเทศสวีเดน ได้มีการประสานตรงไปยังนายกรัฐมนตรี ครั้งหนึ่งแล้วเมื่อวันที่ 4กันยายนที่ผ่านมา แต่เรื่องดังกล่าวเงียบหายไปจึงเป็นข้อกังขาอย่างหนึ่งที่ทำให้แนวร่วมผู้ก่อความไม่สงบยังไม่กล้าออกมามอบตัว และยังคงทำให้ภาคใต้มีสถานการณ์ความรุนแรงเรื่อยมาถึงทุกวันนี้
แม่ทัพ 4 เผยเป็นจุดเริ่มที่ดี แต่ต้องเข้าสู่กระบวนการทางกฏหมาย
ขณะที่แม่ทัพภาคที่ 4 ได้กล่าวกับผู้ที่แสดงตนทั้ง 93 คนว่า ทุกคนที่มาในวันนี้เพื่อแสดงจุดยืนในอุดมการณ์การต่อสู้เชิงสันติ และเป็นไปตามนโยบายสานใจสู่สันติของกองทัพภาคที่ เจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายยอมรับในความแตกต่าง แต่ยอมรับไม่ได้ในการใช้ความรุนแรงเข้าต่อสู้ ในส่วนของผู้ที่มีหมาย พรก.เมื่อเข้ามาแสดงตัวกับเจ้าหน้าที่ ถือว่า พรก.ยุติและจะได้รับการคุ้มครองจากรัฐ ส่วน ป.วิอาญาก็จะต้องผ่านกระบวนการทางกฎหมายที่เอื้อต่อผู้ที่หลงผิดที่กลับใจ อย่างไรก็ตาม นโยบายของทุกภาคส่วนไม่ว่าจะเป็นรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ.ได้กำหนดกรอบไว้อย่างชัดเจนเพื่อให้มีการต่อสู้เชิงสันติ ทั้งการสร้างความเข้าใจรวมทั้งการเปิดพื้นที่เพื่อให้มีการพูดคุยของผู้หลงผิดกับเจ้าหน้าที่รัฐ เพื่อปรับแนวทางเข้าหันให้มากที่สุด แต่ย้ำว่าทุกคนมีทางออก ไม่มีใครแพ้หรือชนะ อย่างไรก็ตาม ผู้ที่แสดงตนในครั้งนี้ทั้งหมดอยู่ระหว่างขั้นตอนกระบวนการทางกฎหมายในการต่อสู้คดีในชั้นศาลต่อไป