7.8.56

On Saturday a suicide attack unfolded near the Indian Consulate in Jalalabad, Afghanistan. A dozen people were reported killed with another twenty wounded. Eight of the killed were reported to be children.

06 August 2013
On Saturday a suicide attack unfolded near the Indian Consulate in Jalalabad, Afghanistan.  A dozen people were reported killed with another twenty wounded.   Eight of the killed were reported to be children.
The next day, 04 August, another bomb exploded in Jalalabad, wounding another sixteen people for a two-day total of about forty-five killed and wounded.
An Afghan friend forwarded the image above, saying this was a suicide bomber who was shot before he exploded and that his vest had been removed.  The man who forwarded the image said that even the kids hate these people.  Needless to say, this image, bad as it is, marks an important “atmospheric” in the war and is newsworthy.
For people unfortunate enough to experience a few suicide attacks, the image of the child urinating is not shocking.  The thunder of the bombs, the inevitable automatic weapons fire from security forces, follow on attacks, the frequent secondary explosions, the shrieks, the stunned children and adults stumbling in the smoke, the fully electrified high tension wires dangling waiting to fry people, the ambulance that arrives filled with explosives, the clothes and body parts up in the trees along with thick smells of petroleum and flesh all create a screaming chorus.
Normally little is left of the suicide bomber.  Often some random piece, a foot, or as so many veterans have noticed, his penis and testicles will remain magically intact but with no body.  The dogs come out to snatch pieces.  The people who are collecting body parts of their loved ones or rushing wounded to hospitals are frustrated, in shock, for what to them is normally a random act, often at a public market.  For a child whose mom and dad are killed, if he or she has no great family, that’s it: a life of prostitution has begun.  “Boston bombings” happen every day in Afghanistan – but usually much larger.  Many bombs are so big that they thunder.
Yet random, pearl clutching westerners who never experienced a suicide bombing are shocked out of their skins that a child would urinate on a suicide attacker.   The horror of the suicide attack is like a freight train running over your brain, while the urination after such an event is little more than a cup of tap water poured onto the face of a demon.  It is an insult, a slap to the face, yet in context it is the sound of a fly landing in a hurricane.
Having been to Jalalabad many times, I can say with certainty that locals have plenty of experience with these demons.  Context is not lost in these memories.

"ฆ่าคนเพื่อสร้างบุญ แม้แต่เงาสวรรค์ก็ลางเลือน..."

เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา (3 ส.ค.) เกิดเหตุระเบิดพลีชีพขึ้นในเมือง Jalalabad ประเทศอัฟกานิสถาน ใกล้กับกงสุลอินเดีย ทำให้มีผู้เสียชีวิต และได้รับบาดเจ็บเป็นจำนวนมาก..

ในวันต่อมา (4 ส.ค.) ได้เกิดเหตุระเบิดขึ้นอีกครั้งส่งผลให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บอย่างน้อย 16 คน เพียง 2 วันทำให้มีผู้บาดเจ็บล้มตายมากถึง 45 คน

ภาพนี้แสดงให้เห็นว่าแม้แต่เด็กยังเกลียดคนพวกนี้...

น่าอนาถจริง ฆ่าคนเพื่อสร้างบุญ สมองถูกล้างจนหมดสิ้นเหลือแต่เศษขี้เลื่อย เด็กยังมีวุฒิภาวะทางสมองกว่า...

อ่านเพิ่มเติม: http://michaelyon-online.com/jalalabad-urination-facebook-censorship.htm

ภาพนี้เป็นภาพมือระเบิดพลีชีพ ที่ถูกวิสามัญก่อนกดระเบิดในเมือง Jalalabad ระเบิดถูกถอดออกจากร่างของมือระเบิดไปแล้ว...


6.8.56

ระวังหญิงแต่งกายคล้ายมุสลิมปิดใบหน้าก่อเหตุ...

หน่วยข่าวความมั่นคง แจ้งเตือนหน่วยกำลังในพื้นที่ชายแดนภาคใต้ เพิ่มความเข้มเตรียมรับสถานการณ์ หลังพบข่าวความเคลื่อนไหวของกลุ่มสมาชิกแนวร่วมกลุ่มใหม่ เตรียมก่อเหตุใกล้วันฮารีรายอ มีเป้าหมายสถานที่ราชการ ย่านธุรกิจ แหล่งบันเทิง ย่านการค้า และชุมชนคนไทยพุทธ เตือนระวังหญิงแต่งกายคล้ายมุสลิมปิดใบหน้าก่อเหตุ...

เมื่อวันที่ 6 ส.ค. มีรายงานว่า จากสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ หลังกลุ่มคนร้ายก่อเหตุในพื้นที่มาอย่างต่อเนื่อง แม้จะอยู่ในช่วงของเดือนรอมฎอน ซึ่งมีข้อตกลงระหว่างคณะพูดคุยสันติภาพของไทยกับผู้แทนกลุ่มขบวนการบีอาร์เอ็น แต่ปรากฏว่า ยังมีกลุ่มผู้ที่คิดต่าง ยังคงก่อเหตุอย่างต่อเนื่องตลอดมา โดยหน่วยข่าวความมั่นคงในพื้นที่ ยังคงแจ้งเตือนไปยังหน่วยกำลังในพื้นที่ ให้เพิ่มมาตรการเข้มในการปฏิบัติงาน และมีความพร้อมรับสถานการณ์ที่อาจจะเกิดขึ้น ซึ่งทางหน่วยข่าวฯ พบความเคลื่อนไหวของกลุ่มคนร้าย ที่เดินทางเข้ามาทางด่านชายแดน อ.ตากใบ อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส โดยเป็นสมาชิกแนวร่วมกลุ่มใหม่ ที่มีทั้งชายและหญิง จำนวน 200-300 คน เดินทางกลับเข้ามาในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ทั้งจ.ยะลา ปัตตานี นราธิวาส และ 4 อำเภอของจ.สงขลา โดยกระจายลงไปยังหมู่บ้าน

นอกจากนี้ ยังพบว่า กลุ่มผู้ก่อเหตุได้มีการวางแผนที่จะก่อเหตุในห้วงวันที่ 5-9 ส.ค.นี้ โดยมีเป้าหมายเป็นสถานที่ราชการ ย่านธุรกิจ แหล่งบันเทิง ย่านการค้า และชุมชนคนไทยพุทธ ซึ่งมีความเป็นไปได้ ว่ากลุ่มคนร้ายจะก่อเหตุกับกลุ่มคนไทยพุทธมากขึ้น หลังจากที่มีเหตุ คนร้ายยิงนายยะโก๊ป หร่ายมณี โต๊ะอิหม่ามประจำมัสยิดกลางจังหวัดปัตตานีเสียชีวิต เมื่อวันที่ 5 ส.ค. โดยกลุ่มคนร้ายได้พยายามบิดเบือน ข้อมูลข่าวสารทางสื่อสังคมออนไลน์ว่า เหตุการณ์ลอบทำร้ายนายยะโก๊ป เป็นการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐ ทั้ง ๆ ที่ทางเจ้าหน้าที่ได้หลักฐานสำคัญจากภาพวงจรปิดขณะคนร้ายลงมือก่อเหตุไว้ได้

หน่วยข่าวความมั่นคง แจ้งอีกว่า ในช่วงของวันฮารีรายอ หลังจากสิ้นเดือนรอมฎอน กลุ่มคนร้ายจะลงมือก่อเหตุ ทำร้ายเจ้าหน้าที่รัฐ ตำรวจ ทหาร ทหารพราน หรือ อส. ที่เป็นคนมุสลิม และจะมีการก่อเหตุเชิงสัญลักษณ์อีกครั้ง ไม่ว่าจะเป็นการก่อกวน วางวัตถุต้องสงสัย การพ่นสี ป้ายผ้า ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อตอบโต้รัฐบาลและขับไล่ทหาร อีกทั้งบิดเบือนข้อมูลเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยในพื้นที่ จ.ยะลา นั้น เจ้าหน้าที่พบว่า แกนนำกลุ่มผู้ก่อเหตุ ในพื้นที่อ.กรงปินัง โดยนาอาบะห์ เจะอาลี มีการนำสมาชิกก่อเหตุ จำนวนหลายคนเข้าไปหลบซ่อนตัวในพื้นที่ พร้อมอาวุธ เตรียมก่อเหตุตอบโต้ เจ้าหน้าที่อีกครั้ง

ส่วนพื้นที่ อ.บันนังสตา และ อ.ธารโต ซึ่งมีเหตุอย่างต่อเนื่องนั้น พบว่า มีกลุ่มของนายฮูไบดีละ รอมมือลี นายอิบรอเฮง สาและ และนายมูฮัมหมัดยูซูฟ ตือนง นำสมาชิกแนวร่วมกลุ่มใหม่ พร้อมอาวุธ และวัตถุระเบิดเข้าไปในพื้นที่ อ.บันนังสตา อ.ธารโต เพื่อเตรียมก่อเหตุกับเจ้าหน้าที่อีกครั้ง

ทั้งนี้ หน่วยข่าวความมั่นคง ยังได้แจ้งให้เฝ้าระวังบุคคล ที่แต่งกายลักษณะ คล้ายผู้หญิงมุสลิม เพื่อปิดบังอำพราง ในการก่อเหตุ ซึ่งเป็นแนวร่วมกลุ่มใหม่ ตามข่าวที่ได้แจ้งเตือนไปก่อนหน้านี้ ในการก่อเหตุลอบยิงเจ้าหน้าที่

ที่มา: http://www.thairath.co.th/content/region/361924


5.8.56

โจรชั่วฟาตอนี

"การสูญหายโลกนี้ทั้งใบ สำหรับอัลลอฮฺแล้ว ยังเบากว่าการฆ่าชีวิตมุอฺมินคนเดียว และหากชาวโลกและชาวฟากฟ้ารวมตัวกันเพื่อฆ่ามุอฺมินเพียงคนเดียว อัลลอฮฺจะโยนพวกเขาทั้งหมดลงในนรก" (sahihuttarghib : 2/629)

อุดมการณ์ไม่มี อุดมกูต้องเป็นใหญ่...

โจรใต้เย้ยกฏหมายปลิดชีพอิหม่ามประจำมัสยิดกลางปัตตานีกลางวันแสกๆ สร้างสถานการณ์ใส่ร้ายเจ้าหน้าที่...

เมื่อเวลา 16.35 น.วันนี้ (5 ส.ค.56) โจรใต้ควบรถจักรยายนต์ 2 คัน จำนวน 4 คน สาดกระสุนใส่โต๊ะอิหม่าม มัสยิดกลางปัตตานี ขณะซื้อกับข้าวบริเวณ ถ.ยะรัง ซ.6 หลังก่อเหตุโจรใต้หลบหนีไปทางมัสยิดรายอ 

บริเวณที่เกิดเหตุพบร่างนายยะโก๊บ หร่ายมณี โต๊ะอิหม่าม ประจำมัสยิดกลางปัตตานีนอนจมกองเลือด ต่อมาจากการตรวจสอบหมายเลขทะเบียนรถจักรยานยนต์ของคนร้าย พบเป็นป้ายทะเบียน กลง 303 ปัตตานี...

ทั้งนี้นายยะโก๊บฯ เป็นอิหม่ามที่ประกอบคุณงามความดี เป็นที่นับหน้าถือตาของประชาชนในท้องที่ กิจกรรมล่าสุดของท่านคือสัมภาษณ์ในการประชาสัมพันธ์ เกี่ยวกับการจัดกิจกรรมรณรงค์สร้างถนนสันติภาพ(ถนนเราะห์มัต) บริเวณถนนหน้ามัสยิดกลาง อ.เมือง ปัตตานี ร่วมกับนายประมุข ละมุน ผวจ.ปัตตานี และส่วนราชการ

ก่อนหน้านี้โต๊ะอิหม่ามยะโก๊บฯ ได้ถูกลอบยิงมาแล้วครั้งหนึ่งเมื่อวันที่ 11 ต.ค.53 ครั้งนั้นวัตถุพยานปลอกกระสุนที่ลอบยิงเป็นกระสุน ขนาด 5.56 มม. HK-33 และตรงกับการใช้ก่อเหตุ ดังนี้

1) ลอบ จนท.ทหาร ฉก.23 จากบนสะพานตะลุโบ๊ะ เสียชีวิต 1 นาย เมื่อ 4 ม.ค.56

2) ลอบยิง ชาวบ้าน 6 ศพ อ.เมือง จ.ปัตตานี เมื่อ 1 พ.ค.56 

การก่อเหตุของโจรใต้ครั้งนี้เชื่อว่าเป็นการฆ่าผู้นำทางศาสนาเพื่อหวังใส่ร้ายเจ้าหน้าที่ทหาร อีกทั้งนายยะโก๊บฯ เป็นผู้ประกอบกิจทางศาสนาอันดีงาม และมีความสนิทสนมกับเจ้าหน้าที่รัฐทุกกระทรวงเป็นพิเศษจึงทำให้โจรใต้ไม่พอใจปลิดชีพครั้งที่สองได้สำเร็จ...

วีดีโอโจรใต้ยืนยันฆ่าผู้ที่เห็นด้วยกับเจ้าหน้าที่รัฐ http://on.fb.me/17uTBiX 


คนดีจะหดหาย หากปล่อยให้โจรใต้ลอยนวล...(Thai and Eng.)

ผู้นำศาสนาที่บำเพ็ญประโยชน์ต่อประเทศชาติ ต่อต้านความรุนแรงทุกรูปแบบ ต้องกลายเป็นเหยื่อโจรใต้ผู้มีความโหยหาอำนาจต้องการแยกฟ้าแบ่งแผ่นดิน...

วันนี้โจรใต้ฆ่าผู้นำศาสนา ผู้ที่ถือได้ว่าเป็นบุคคลสำคัญทางศาสนา ผู้ที่ได้รับบัญชาจากองค์อัลเลาะห์เผยแพร่คำสอนที่ดี แต่ต้องมาจากไปเพียงเพราะต่อต้านความรุนแรงที่ขัดต่อบัญญัติของศาสนาอิสลาม และสนับสนุนแนวทางในการแก้ปัญหาด้วยสันติวิธี รวมถึงประกาศต่อต้านยาเสพติดอีกด้วย

ท่านเคยให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน ช่อง Astro awani tv, สำนักพิมพ์ Utuson จากประเทศมาเลเซีย และ ททบ.5 เกี่ยวกับแนวทางในการสร้างความสันติสุขในพื้นที่ จชต. โดยมีใจความสำคัญว่า

“ผมได้ศึกษาคำสอนโดยละเอียดแล้ว ที่ผ่านมาไม่มีคำสอนใดที่มุ่งให้ไปทำร้ายผู้อื่น จากเหตุการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นกับครู ผู้นำศาสนา หรือประชาชนผู้บริสุทธิ์ นั้น ถือได้ว่าผู้ก่อเหตุรุนแรงได้กระทำผิดหลักศาสนาอิสลามทั้งสิ้น ก็ขอวิงวอนให้ผู้ที่ใช้ความรุนแรงได้หยุดการกระทำแล้วหันมาศึกษาหลักศาสนาอิสลามที่ถูกต้อง เพื่อนำสู่ความสันติสุขต่อไป ”

ประวัติการทำงานคร่าวๆ
นายยะโก๊บ หร่ายมณี อิหม่ามประจำมัสยิดกลางปัตตานี บุคคลสำคัญทางศาสนาเป็นผู้ที่มีผลงานดีเด่นด้านศาสนา มากมาย ดังนี้
ผลงานและรางวัลที่ได้รับ
1. โล่รางวัลผู้ทำคุณประโยชน์ต่อกระทรวงวัฒนธรรม ด้านศาสนา ระดับประเทศ ประจำปี 2552
2. รางวัลพระราลทาน ผู้ทำคุณประโยชน์ต่อศูนย์ศึกษาการพัฒนาห้วยทรายใต้ ปี 2536
3. รางวัลพระราชทาน ผู้ดำเนินรายการวิทยุดีเด่นสมาคมนักวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทยปี 2535
4.รางวัลพระราชทาน โครงการคัดเลือกผู้ที่มีผลการปฏิบัติงานดีเด่นของจังหวัดชายแดนภาคใต้ สาขาการพัฒนาสังคมและทรัพยากรมนุษย์
5. วิทยากรบรรยายศาสนธรรม ตามสถานีวิทยุทั้งในกรงเทพฯ และปริมณฑล
6. ตัวแทนประเทศไทย ในการสร้างวามเข้าใจกับสถานการณ์ความไม่สงบ แก่คณะ (OIC) องค์กรมุสลิมโลก องค์กรสันนิบาตโลกมุสลิม (รอบิเฏาะห์) องค์กรมุสลิมประเทศออสเตรเลีย,ตุรกี,สหรัฐอาหรับเอมิเรต,สภาคองเกรซ สหรัฐอเมริกา ฯลฯ
7. ผู้ทรงคุณวุฒิ อนุกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (อ.ก.ค.ศ.)จังหวัดปัตตานี

พี่น้องประชาชนชาวไทยพุทธ-มุสลิมจงดูเถิด วันนี้โจรใต้ฆ่าคนของอัลเลาะห์ได้ คนอื่นก็คงไม่ต้องพูดถึง เพราะสิ่งใดก็แล้วแต่ที่โจรใต้ทำ ไม่ใช่เพราะประโยชน์ของประชาชน แต่เหตุผลเดียวของพวกเขาคือ ผลประโยชน์ และความหิวกระหายในอำนาจเงินตรา ด้วยหวังว่าวันใดหากสำเร็จพวกเขาจะได้เป็นใหญ่ในแผ่นดินที่พวกเขากรุเรื่องขึ้น "รัฐฟาตอนี"...

It comes to grief, insurgents took the most respected Imam's life away...

Imam Yakob Raimanee of the Central Masjid in Pattani, was killed yesterday in a gunfire attack while shopping on foot at a market.

Imam Yakob was a very good man, he was a very good example to Islam believers and also against to all violence in deep south of Thailand...

As he said to the press:
“I have been completely studying Quran, I found out there's nowhere written in Quran saying to harm people. Throughout the years teachers, Imams and innocent people had been killed, and all these insurgencies are wrong to Islamic doctrine. I'm begging you to stop violence and turn to learn more about Islam. For peace and people”

Today, the separatists killed Imam which is leading, guiding and worshiping to those who belief in Allah...

Obviously, they did such a thing for themselves and it's not for Islam nor people as they said at all...


1.8.56

ได้เวลาเปิดศึกโจรใต้ งดเยียวยาส่งเสริมโจรแล้วหรือยัง???

หากท่านยังเยียวยาโจรใต้ ท่านยังเอาใจโจรใต้ เด็กมุสลิมใต้ดีๆ เขาคงได้มีอาชีพใหม่แน่ๆ (ท่านผู้มีอำนาจคิดเองว่าเขาจะมีอาชีพอะไร)...

ได้ยินเต็มสองหูจากคนในพื้นที่ซึ่งแท้ที่จริงแล้วเป็นญาติกับโจรใต้ที่เสียชีวิตจากการปะทะกับเจ้าหน้าที่ไม่นานมานี้...

ไอโจรใต้ที่ตายไม่นานมานี้ทุกคนในครอบครัวระอามันมาก...เมื่อมันตายไปทุกคนก็ยินดี และสิ่งที่เขายินดีมากกว่านั้นคือ มันตาย ภรรยาได้ตังค์...!!!

ผมเคยถามผู้ใหญ่ซึ่งเป็นคนในพื้นที่ที่ไม่เห็นด้วยกับโจรใต้ ว่า "โตขึ้นอยากให้ลูกเป็นอะไร" เขาตอบผมว่า "อยากให้ลูกเป็นโจรใต้ ตายไปได้ 7.5 ล้าน"...

เชื่อหรือไม่?? แม้แต่โจรใต้ที่ยิงต่อสู้เจ้าหน้าที่ทหาร-ตำรวจปัจจุบัน ญาติของผู้ตายที่ได้ชื่อว่าโจรใต้ได้ดำเนินการส่งเรื่องขอ 7.5 ล้าน ผ่านทนายความอิสลามแล้ว...

จริงแท้แค่ไหนลองท่านสืบค้นดูในกลุ่มทนายความอิสลามแล้วกัน...

แต่สิ่งที่ตลกไปมากกว่านั้นคือ ยายแก่ๆ ขายของที่ตลาดถูกโจรใต้ยิงเสียวิต ครอบครัวพ่อแม่ลูกประชาชนผู้บริสุทธิ์ถูกยิงตายบ้าง ถูกระเบิดบ้าง เงินช่วยเหลือได้เท่าโจรใต้ไหม...???




โจรใต้กับยุทธวิธีขี้ขลาด เรียกราคาด้วยการระเบิด ฆ่า เผา ทำลาย...

ยะลาลุกเป็นไฟ คนร้ายลอบวางเพลิง 6 จุด โรงไม้ยาง-โรงยาง-เสาโทรศัพท์-รถบรรทุก-โรงงานพลาสติก ในเขตเมืองยะลา วอด 

วันนี้ (2 ส.ค.) เมื่อเวลา 03.00 น. ศูนย์วิทยุ สภ.เมืองยะลา ได้รับแจ้งว่าเกิดเหตุเพลิงไหม้ขึ้นภายใน บริษัทยางไทยปักษ์ใต้ เลขที่ 43 หมู่ 6 ต.ท่าสาป อ.เมือง จ.ยะลา พ.ต.อ.พชรพล ณ นคร ผกก.สภ.เมืองยะลา ประสานกำลังเจ้าหน้าที่ดับเพลิงเทศบาลนครยะลา เดินทางเข้าควบคุมเพลิงทันที

เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุซึ่งเป็นโรงเก็บยางอัดก้อน ที่อยู่ด้านหลังสุดของโรงงาน เพลิงได้ลุกไหม้อย่างรุนแรง โดยมีพนักงานของบริษัท ได้ช่วยกันเคลื่อนย้ายยางอัดก้อน ออกจากบริเวณเกิดเหตุ โดยเจ้าหน้าที่ดับเพลิงใช้รถดับเพลิงจำนวน 5 คัน ฉีดน้ำหล่อเลี้ยงไม่ให้ลุกลามไปติดกับอาคารอื่นๆ แต่เนื่องจากก้อนยางพาราเป็นเชื้อเพลิงอย่างดี ทำให้การควบคุมเพลิงไปด้วยความยากลำบาก โดยเวลา 05.30 น. ยังไม่สามารถควบคุมเพลิงได้

ต่อมาเวลา 03.15 น. ศูนย์วิทยุ สภ.เมืองยะลา ได้รับแจ้งว่าเกิดเหตุเพลิงไหม้เสาส่งสัญญานมือถือ บนถนนสาย 409 ต.ท่าสาป อ.เมือง จ.ยะลา โดยเพลิงได้ลุกไหม้ที่บริเวณฐาน

จากนั้น เมื่อเวลา 03.20 น. ศูนย์วิทยุ สภ.เมืองยะลา ได้รับแจ้งว่าเกิดเหตุเพลิงไหม้ที่โรงงานรับซื้อไม้ยางพารา บริษัทพีพาราวูด ซึ่งตั้งอยู่ริมถนนสาย 15 ต.สะเตง อ.เมือง จ.ยะลา จึงได้ประสานรถดับเพลิงของเทศบาลนครยะลา และรถดับเพลิงของ อบต.บุดี เข้าควบคุมเพลิงทันที

โดยที่เกิดเหตุเป็นที่เก็บไม้ยางพารา เพลิงลุกไม้อย่างรุนแรง เจ้าหน้าที่ดับเพลิงใช้รถดับเพลิงจำนวน 5 คัน ระดมฉีดน้ำสกัด โดยใช้เวลาประมาณ 30 นาที จึงสามารถควบคุมเพลิงได้

จากนั้นเวลาใกล้เคียงกัน เกิดเหตุเพลิงไหม้ที่ บ.ยะลาธารทอง หมู่ 7 ต.บุดี อ.เมือง จ.ยะลา ซึ่งเป็นโรงงานไม้ยาง ได้รับความเสียหายเล็กน้อย เนื่องจากคนงานช่วยกันดับไฟได้ทันก่อนจะลุกลาม

สำหรับในพื้นที่ สภ.ลำใหม่ อ.เมือง จ.ยะลา เวลา 03.40 น.มีรายงานเหตุเพลิงไหม้รถโฟค-ลิฟท์ และรถบรรทุก ภายในโรงงานผลิตท่อ และเวลา 03.45 น. เกิดเหตุเพลิงไหม้ที่ หจก.ยูเนียน พลาสติก เพลิงไหม้ตัวอาคาร เจ้าหน้าที่ดับเพลิงต้องระดมรถดับเพลิงเข้าควบคุมเพลิง ส่วนสาเหตุการเกิดเพลิงไหม้ทั้ง 6 จุดนี้ เบื้องต้นเจ้าหน้าที่เชื่อเป็นฝีมือของกลุ่มคนร้ายที่ต้องการสร้างสถานการณ์ในพื้นที่

ที่มา: http://www.manager.co.th/South/ViewNews.aspx?NewsID=9560000095116