7.8.56

On Saturday a suicide attack unfolded near the Indian Consulate in Jalalabad, Afghanistan. A dozen people were reported killed with another twenty wounded. Eight of the killed were reported to be children.

06 August 2013
On Saturday a suicide attack unfolded near the Indian Consulate in Jalalabad, Afghanistan.  A dozen people were reported killed with another twenty wounded.   Eight of the killed were reported to be children.
The next day, 04 August, another bomb exploded in Jalalabad, wounding another sixteen people for a two-day total of about forty-five killed and wounded.
An Afghan friend forwarded the image above, saying this was a suicide bomber who was shot before he exploded and that his vest had been removed.  The man who forwarded the image said that even the kids hate these people.  Needless to say, this image, bad as it is, marks an important “atmospheric” in the war and is newsworthy.
For people unfortunate enough to experience a few suicide attacks, the image of the child urinating is not shocking.  The thunder of the bombs, the inevitable automatic weapons fire from security forces, follow on attacks, the frequent secondary explosions, the shrieks, the stunned children and adults stumbling in the smoke, the fully electrified high tension wires dangling waiting to fry people, the ambulance that arrives filled with explosives, the clothes and body parts up in the trees along with thick smells of petroleum and flesh all create a screaming chorus.
Normally little is left of the suicide bomber.  Often some random piece, a foot, or as so many veterans have noticed, his penis and testicles will remain magically intact but with no body.  The dogs come out to snatch pieces.  The people who are collecting body parts of their loved ones or rushing wounded to hospitals are frustrated, in shock, for what to them is normally a random act, often at a public market.  For a child whose mom and dad are killed, if he or she has no great family, that’s it: a life of prostitution has begun.  “Boston bombings” happen every day in Afghanistan – but usually much larger.  Many bombs are so big that they thunder.
Yet random, pearl clutching westerners who never experienced a suicide bombing are shocked out of their skins that a child would urinate on a suicide attacker.   The horror of the suicide attack is like a freight train running over your brain, while the urination after such an event is little more than a cup of tap water poured onto the face of a demon.  It is an insult, a slap to the face, yet in context it is the sound of a fly landing in a hurricane.
Having been to Jalalabad many times, I can say with certainty that locals have plenty of experience with these demons.  Context is not lost in these memories.

"ฆ่าคนเพื่อสร้างบุญ แม้แต่เงาสวรรค์ก็ลางเลือน..."

เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา (3 ส.ค.) เกิดเหตุระเบิดพลีชีพขึ้นในเมือง Jalalabad ประเทศอัฟกานิสถาน ใกล้กับกงสุลอินเดีย ทำให้มีผู้เสียชีวิต และได้รับบาดเจ็บเป็นจำนวนมาก..

ในวันต่อมา (4 ส.ค.) ได้เกิดเหตุระเบิดขึ้นอีกครั้งส่งผลให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บอย่างน้อย 16 คน เพียง 2 วันทำให้มีผู้บาดเจ็บล้มตายมากถึง 45 คน

ภาพนี้แสดงให้เห็นว่าแม้แต่เด็กยังเกลียดคนพวกนี้...

น่าอนาถจริง ฆ่าคนเพื่อสร้างบุญ สมองถูกล้างจนหมดสิ้นเหลือแต่เศษขี้เลื่อย เด็กยังมีวุฒิภาวะทางสมองกว่า...

อ่านเพิ่มเติม: http://michaelyon-online.com/jalalabad-urination-facebook-censorship.htm

ภาพนี้เป็นภาพมือระเบิดพลีชีพ ที่ถูกวิสามัญก่อนกดระเบิดในเมือง Jalalabad ระเบิดถูกถอดออกจากร่างของมือระเบิดไปแล้ว...


6.8.56

ระวังหญิงแต่งกายคล้ายมุสลิมปิดใบหน้าก่อเหตุ...

หน่วยข่าวความมั่นคง แจ้งเตือนหน่วยกำลังในพื้นที่ชายแดนภาคใต้ เพิ่มความเข้มเตรียมรับสถานการณ์ หลังพบข่าวความเคลื่อนไหวของกลุ่มสมาชิกแนวร่วมกลุ่มใหม่ เตรียมก่อเหตุใกล้วันฮารีรายอ มีเป้าหมายสถานที่ราชการ ย่านธุรกิจ แหล่งบันเทิง ย่านการค้า และชุมชนคนไทยพุทธ เตือนระวังหญิงแต่งกายคล้ายมุสลิมปิดใบหน้าก่อเหตุ...

เมื่อวันที่ 6 ส.ค. มีรายงานว่า จากสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ หลังกลุ่มคนร้ายก่อเหตุในพื้นที่มาอย่างต่อเนื่อง แม้จะอยู่ในช่วงของเดือนรอมฎอน ซึ่งมีข้อตกลงระหว่างคณะพูดคุยสันติภาพของไทยกับผู้แทนกลุ่มขบวนการบีอาร์เอ็น แต่ปรากฏว่า ยังมีกลุ่มผู้ที่คิดต่าง ยังคงก่อเหตุอย่างต่อเนื่องตลอดมา โดยหน่วยข่าวความมั่นคงในพื้นที่ ยังคงแจ้งเตือนไปยังหน่วยกำลังในพื้นที่ ให้เพิ่มมาตรการเข้มในการปฏิบัติงาน และมีความพร้อมรับสถานการณ์ที่อาจจะเกิดขึ้น ซึ่งทางหน่วยข่าวฯ พบความเคลื่อนไหวของกลุ่มคนร้าย ที่เดินทางเข้ามาทางด่านชายแดน อ.ตากใบ อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส โดยเป็นสมาชิกแนวร่วมกลุ่มใหม่ ที่มีทั้งชายและหญิง จำนวน 200-300 คน เดินทางกลับเข้ามาในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ทั้งจ.ยะลา ปัตตานี นราธิวาส และ 4 อำเภอของจ.สงขลา โดยกระจายลงไปยังหมู่บ้าน

นอกจากนี้ ยังพบว่า กลุ่มผู้ก่อเหตุได้มีการวางแผนที่จะก่อเหตุในห้วงวันที่ 5-9 ส.ค.นี้ โดยมีเป้าหมายเป็นสถานที่ราชการ ย่านธุรกิจ แหล่งบันเทิง ย่านการค้า และชุมชนคนไทยพุทธ ซึ่งมีความเป็นไปได้ ว่ากลุ่มคนร้ายจะก่อเหตุกับกลุ่มคนไทยพุทธมากขึ้น หลังจากที่มีเหตุ คนร้ายยิงนายยะโก๊ป หร่ายมณี โต๊ะอิหม่ามประจำมัสยิดกลางจังหวัดปัตตานีเสียชีวิต เมื่อวันที่ 5 ส.ค. โดยกลุ่มคนร้ายได้พยายามบิดเบือน ข้อมูลข่าวสารทางสื่อสังคมออนไลน์ว่า เหตุการณ์ลอบทำร้ายนายยะโก๊ป เป็นการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐ ทั้ง ๆ ที่ทางเจ้าหน้าที่ได้หลักฐานสำคัญจากภาพวงจรปิดขณะคนร้ายลงมือก่อเหตุไว้ได้

หน่วยข่าวความมั่นคง แจ้งอีกว่า ในช่วงของวันฮารีรายอ หลังจากสิ้นเดือนรอมฎอน กลุ่มคนร้ายจะลงมือก่อเหตุ ทำร้ายเจ้าหน้าที่รัฐ ตำรวจ ทหาร ทหารพราน หรือ อส. ที่เป็นคนมุสลิม และจะมีการก่อเหตุเชิงสัญลักษณ์อีกครั้ง ไม่ว่าจะเป็นการก่อกวน วางวัตถุต้องสงสัย การพ่นสี ป้ายผ้า ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อตอบโต้รัฐบาลและขับไล่ทหาร อีกทั้งบิดเบือนข้อมูลเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยในพื้นที่ จ.ยะลา นั้น เจ้าหน้าที่พบว่า แกนนำกลุ่มผู้ก่อเหตุ ในพื้นที่อ.กรงปินัง โดยนาอาบะห์ เจะอาลี มีการนำสมาชิกก่อเหตุ จำนวนหลายคนเข้าไปหลบซ่อนตัวในพื้นที่ พร้อมอาวุธ เตรียมก่อเหตุตอบโต้ เจ้าหน้าที่อีกครั้ง

ส่วนพื้นที่ อ.บันนังสตา และ อ.ธารโต ซึ่งมีเหตุอย่างต่อเนื่องนั้น พบว่า มีกลุ่มของนายฮูไบดีละ รอมมือลี นายอิบรอเฮง สาและ และนายมูฮัมหมัดยูซูฟ ตือนง นำสมาชิกแนวร่วมกลุ่มใหม่ พร้อมอาวุธ และวัตถุระเบิดเข้าไปในพื้นที่ อ.บันนังสตา อ.ธารโต เพื่อเตรียมก่อเหตุกับเจ้าหน้าที่อีกครั้ง

ทั้งนี้ หน่วยข่าวความมั่นคง ยังได้แจ้งให้เฝ้าระวังบุคคล ที่แต่งกายลักษณะ คล้ายผู้หญิงมุสลิม เพื่อปิดบังอำพราง ในการก่อเหตุ ซึ่งเป็นแนวร่วมกลุ่มใหม่ ตามข่าวที่ได้แจ้งเตือนไปก่อนหน้านี้ ในการก่อเหตุลอบยิงเจ้าหน้าที่

ที่มา: http://www.thairath.co.th/content/region/361924


5.8.56

โจรชั่วฟาตอนี

"การสูญหายโลกนี้ทั้งใบ สำหรับอัลลอฮฺแล้ว ยังเบากว่าการฆ่าชีวิตมุอฺมินคนเดียว และหากชาวโลกและชาวฟากฟ้ารวมตัวกันเพื่อฆ่ามุอฺมินเพียงคนเดียว อัลลอฮฺจะโยนพวกเขาทั้งหมดลงในนรก" (sahihuttarghib : 2/629)

อุดมการณ์ไม่มี อุดมกูต้องเป็นใหญ่...

โจรใต้เย้ยกฏหมายปลิดชีพอิหม่ามประจำมัสยิดกลางปัตตานีกลางวันแสกๆ สร้างสถานการณ์ใส่ร้ายเจ้าหน้าที่...

เมื่อเวลา 16.35 น.วันนี้ (5 ส.ค.56) โจรใต้ควบรถจักรยายนต์ 2 คัน จำนวน 4 คน สาดกระสุนใส่โต๊ะอิหม่าม มัสยิดกลางปัตตานี ขณะซื้อกับข้าวบริเวณ ถ.ยะรัง ซ.6 หลังก่อเหตุโจรใต้หลบหนีไปทางมัสยิดรายอ 

บริเวณที่เกิดเหตุพบร่างนายยะโก๊บ หร่ายมณี โต๊ะอิหม่าม ประจำมัสยิดกลางปัตตานีนอนจมกองเลือด ต่อมาจากการตรวจสอบหมายเลขทะเบียนรถจักรยานยนต์ของคนร้าย พบเป็นป้ายทะเบียน กลง 303 ปัตตานี...

ทั้งนี้นายยะโก๊บฯ เป็นอิหม่ามที่ประกอบคุณงามความดี เป็นที่นับหน้าถือตาของประชาชนในท้องที่ กิจกรรมล่าสุดของท่านคือสัมภาษณ์ในการประชาสัมพันธ์ เกี่ยวกับการจัดกิจกรรมรณรงค์สร้างถนนสันติภาพ(ถนนเราะห์มัต) บริเวณถนนหน้ามัสยิดกลาง อ.เมือง ปัตตานี ร่วมกับนายประมุข ละมุน ผวจ.ปัตตานี และส่วนราชการ

ก่อนหน้านี้โต๊ะอิหม่ามยะโก๊บฯ ได้ถูกลอบยิงมาแล้วครั้งหนึ่งเมื่อวันที่ 11 ต.ค.53 ครั้งนั้นวัตถุพยานปลอกกระสุนที่ลอบยิงเป็นกระสุน ขนาด 5.56 มม. HK-33 และตรงกับการใช้ก่อเหตุ ดังนี้

1) ลอบ จนท.ทหาร ฉก.23 จากบนสะพานตะลุโบ๊ะ เสียชีวิต 1 นาย เมื่อ 4 ม.ค.56

2) ลอบยิง ชาวบ้าน 6 ศพ อ.เมือง จ.ปัตตานี เมื่อ 1 พ.ค.56 

การก่อเหตุของโจรใต้ครั้งนี้เชื่อว่าเป็นการฆ่าผู้นำทางศาสนาเพื่อหวังใส่ร้ายเจ้าหน้าที่ทหาร อีกทั้งนายยะโก๊บฯ เป็นผู้ประกอบกิจทางศาสนาอันดีงาม และมีความสนิทสนมกับเจ้าหน้าที่รัฐทุกกระทรวงเป็นพิเศษจึงทำให้โจรใต้ไม่พอใจปลิดชีพครั้งที่สองได้สำเร็จ...

วีดีโอโจรใต้ยืนยันฆ่าผู้ที่เห็นด้วยกับเจ้าหน้าที่รัฐ http://on.fb.me/17uTBiX 


คนดีจะหดหาย หากปล่อยให้โจรใต้ลอยนวล...(Thai and Eng.)

ผู้นำศาสนาที่บำเพ็ญประโยชน์ต่อประเทศชาติ ต่อต้านความรุนแรงทุกรูปแบบ ต้องกลายเป็นเหยื่อโจรใต้ผู้มีความโหยหาอำนาจต้องการแยกฟ้าแบ่งแผ่นดิน...

วันนี้โจรใต้ฆ่าผู้นำศาสนา ผู้ที่ถือได้ว่าเป็นบุคคลสำคัญทางศาสนา ผู้ที่ได้รับบัญชาจากองค์อัลเลาะห์เผยแพร่คำสอนที่ดี แต่ต้องมาจากไปเพียงเพราะต่อต้านความรุนแรงที่ขัดต่อบัญญัติของศาสนาอิสลาม และสนับสนุนแนวทางในการแก้ปัญหาด้วยสันติวิธี รวมถึงประกาศต่อต้านยาเสพติดอีกด้วย

ท่านเคยให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน ช่อง Astro awani tv, สำนักพิมพ์ Utuson จากประเทศมาเลเซีย และ ททบ.5 เกี่ยวกับแนวทางในการสร้างความสันติสุขในพื้นที่ จชต. โดยมีใจความสำคัญว่า

“ผมได้ศึกษาคำสอนโดยละเอียดแล้ว ที่ผ่านมาไม่มีคำสอนใดที่มุ่งให้ไปทำร้ายผู้อื่น จากเหตุการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นกับครู ผู้นำศาสนา หรือประชาชนผู้บริสุทธิ์ นั้น ถือได้ว่าผู้ก่อเหตุรุนแรงได้กระทำผิดหลักศาสนาอิสลามทั้งสิ้น ก็ขอวิงวอนให้ผู้ที่ใช้ความรุนแรงได้หยุดการกระทำแล้วหันมาศึกษาหลักศาสนาอิสลามที่ถูกต้อง เพื่อนำสู่ความสันติสุขต่อไป ”

ประวัติการทำงานคร่าวๆ
นายยะโก๊บ หร่ายมณี อิหม่ามประจำมัสยิดกลางปัตตานี บุคคลสำคัญทางศาสนาเป็นผู้ที่มีผลงานดีเด่นด้านศาสนา มากมาย ดังนี้
ผลงานและรางวัลที่ได้รับ
1. โล่รางวัลผู้ทำคุณประโยชน์ต่อกระทรวงวัฒนธรรม ด้านศาสนา ระดับประเทศ ประจำปี 2552
2. รางวัลพระราลทาน ผู้ทำคุณประโยชน์ต่อศูนย์ศึกษาการพัฒนาห้วยทรายใต้ ปี 2536
3. รางวัลพระราชทาน ผู้ดำเนินรายการวิทยุดีเด่นสมาคมนักวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทยปี 2535
4.รางวัลพระราชทาน โครงการคัดเลือกผู้ที่มีผลการปฏิบัติงานดีเด่นของจังหวัดชายแดนภาคใต้ สาขาการพัฒนาสังคมและทรัพยากรมนุษย์
5. วิทยากรบรรยายศาสนธรรม ตามสถานีวิทยุทั้งในกรงเทพฯ และปริมณฑล
6. ตัวแทนประเทศไทย ในการสร้างวามเข้าใจกับสถานการณ์ความไม่สงบ แก่คณะ (OIC) องค์กรมุสลิมโลก องค์กรสันนิบาตโลกมุสลิม (รอบิเฏาะห์) องค์กรมุสลิมประเทศออสเตรเลีย,ตุรกี,สหรัฐอาหรับเอมิเรต,สภาคองเกรซ สหรัฐอเมริกา ฯลฯ
7. ผู้ทรงคุณวุฒิ อนุกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (อ.ก.ค.ศ.)จังหวัดปัตตานี

พี่น้องประชาชนชาวไทยพุทธ-มุสลิมจงดูเถิด วันนี้โจรใต้ฆ่าคนของอัลเลาะห์ได้ คนอื่นก็คงไม่ต้องพูดถึง เพราะสิ่งใดก็แล้วแต่ที่โจรใต้ทำ ไม่ใช่เพราะประโยชน์ของประชาชน แต่เหตุผลเดียวของพวกเขาคือ ผลประโยชน์ และความหิวกระหายในอำนาจเงินตรา ด้วยหวังว่าวันใดหากสำเร็จพวกเขาจะได้เป็นใหญ่ในแผ่นดินที่พวกเขากรุเรื่องขึ้น "รัฐฟาตอนี"...

It comes to grief, insurgents took the most respected Imam's life away...

Imam Yakob Raimanee of the Central Masjid in Pattani, was killed yesterday in a gunfire attack while shopping on foot at a market.

Imam Yakob was a very good man, he was a very good example to Islam believers and also against to all violence in deep south of Thailand...

As he said to the press:
“I have been completely studying Quran, I found out there's nowhere written in Quran saying to harm people. Throughout the years teachers, Imams and innocent people had been killed, and all these insurgencies are wrong to Islamic doctrine. I'm begging you to stop violence and turn to learn more about Islam. For peace and people”

Today, the separatists killed Imam which is leading, guiding and worshiping to those who belief in Allah...

Obviously, they did such a thing for themselves and it's not for Islam nor people as they said at all...


1.8.56

ได้เวลาเปิดศึกโจรใต้ งดเยียวยาส่งเสริมโจรแล้วหรือยัง???

หากท่านยังเยียวยาโจรใต้ ท่านยังเอาใจโจรใต้ เด็กมุสลิมใต้ดีๆ เขาคงได้มีอาชีพใหม่แน่ๆ (ท่านผู้มีอำนาจคิดเองว่าเขาจะมีอาชีพอะไร)...

ได้ยินเต็มสองหูจากคนในพื้นที่ซึ่งแท้ที่จริงแล้วเป็นญาติกับโจรใต้ที่เสียชีวิตจากการปะทะกับเจ้าหน้าที่ไม่นานมานี้...

ไอโจรใต้ที่ตายไม่นานมานี้ทุกคนในครอบครัวระอามันมาก...เมื่อมันตายไปทุกคนก็ยินดี และสิ่งที่เขายินดีมากกว่านั้นคือ มันตาย ภรรยาได้ตังค์...!!!

ผมเคยถามผู้ใหญ่ซึ่งเป็นคนในพื้นที่ที่ไม่เห็นด้วยกับโจรใต้ ว่า "โตขึ้นอยากให้ลูกเป็นอะไร" เขาตอบผมว่า "อยากให้ลูกเป็นโจรใต้ ตายไปได้ 7.5 ล้าน"...

เชื่อหรือไม่?? แม้แต่โจรใต้ที่ยิงต่อสู้เจ้าหน้าที่ทหาร-ตำรวจปัจจุบัน ญาติของผู้ตายที่ได้ชื่อว่าโจรใต้ได้ดำเนินการส่งเรื่องขอ 7.5 ล้าน ผ่านทนายความอิสลามแล้ว...

จริงแท้แค่ไหนลองท่านสืบค้นดูในกลุ่มทนายความอิสลามแล้วกัน...

แต่สิ่งที่ตลกไปมากกว่านั้นคือ ยายแก่ๆ ขายของที่ตลาดถูกโจรใต้ยิงเสียวิต ครอบครัวพ่อแม่ลูกประชาชนผู้บริสุทธิ์ถูกยิงตายบ้าง ถูกระเบิดบ้าง เงินช่วยเหลือได้เท่าโจรใต้ไหม...???




โจรใต้กับยุทธวิธีขี้ขลาด เรียกราคาด้วยการระเบิด ฆ่า เผา ทำลาย...

ยะลาลุกเป็นไฟ คนร้ายลอบวางเพลิง 6 จุด โรงไม้ยาง-โรงยาง-เสาโทรศัพท์-รถบรรทุก-โรงงานพลาสติก ในเขตเมืองยะลา วอด 

วันนี้ (2 ส.ค.) เมื่อเวลา 03.00 น. ศูนย์วิทยุ สภ.เมืองยะลา ได้รับแจ้งว่าเกิดเหตุเพลิงไหม้ขึ้นภายใน บริษัทยางไทยปักษ์ใต้ เลขที่ 43 หมู่ 6 ต.ท่าสาป อ.เมือง จ.ยะลา พ.ต.อ.พชรพล ณ นคร ผกก.สภ.เมืองยะลา ประสานกำลังเจ้าหน้าที่ดับเพลิงเทศบาลนครยะลา เดินทางเข้าควบคุมเพลิงทันที

เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุซึ่งเป็นโรงเก็บยางอัดก้อน ที่อยู่ด้านหลังสุดของโรงงาน เพลิงได้ลุกไหม้อย่างรุนแรง โดยมีพนักงานของบริษัท ได้ช่วยกันเคลื่อนย้ายยางอัดก้อน ออกจากบริเวณเกิดเหตุ โดยเจ้าหน้าที่ดับเพลิงใช้รถดับเพลิงจำนวน 5 คัน ฉีดน้ำหล่อเลี้ยงไม่ให้ลุกลามไปติดกับอาคารอื่นๆ แต่เนื่องจากก้อนยางพาราเป็นเชื้อเพลิงอย่างดี ทำให้การควบคุมเพลิงไปด้วยความยากลำบาก โดยเวลา 05.30 น. ยังไม่สามารถควบคุมเพลิงได้

ต่อมาเวลา 03.15 น. ศูนย์วิทยุ สภ.เมืองยะลา ได้รับแจ้งว่าเกิดเหตุเพลิงไหม้เสาส่งสัญญานมือถือ บนถนนสาย 409 ต.ท่าสาป อ.เมือง จ.ยะลา โดยเพลิงได้ลุกไหม้ที่บริเวณฐาน

จากนั้น เมื่อเวลา 03.20 น. ศูนย์วิทยุ สภ.เมืองยะลา ได้รับแจ้งว่าเกิดเหตุเพลิงไหม้ที่โรงงานรับซื้อไม้ยางพารา บริษัทพีพาราวูด ซึ่งตั้งอยู่ริมถนนสาย 15 ต.สะเตง อ.เมือง จ.ยะลา จึงได้ประสานรถดับเพลิงของเทศบาลนครยะลา และรถดับเพลิงของ อบต.บุดี เข้าควบคุมเพลิงทันที

โดยที่เกิดเหตุเป็นที่เก็บไม้ยางพารา เพลิงลุกไม้อย่างรุนแรง เจ้าหน้าที่ดับเพลิงใช้รถดับเพลิงจำนวน 5 คัน ระดมฉีดน้ำสกัด โดยใช้เวลาประมาณ 30 นาที จึงสามารถควบคุมเพลิงได้

จากนั้นเวลาใกล้เคียงกัน เกิดเหตุเพลิงไหม้ที่ บ.ยะลาธารทอง หมู่ 7 ต.บุดี อ.เมือง จ.ยะลา ซึ่งเป็นโรงงานไม้ยาง ได้รับความเสียหายเล็กน้อย เนื่องจากคนงานช่วยกันดับไฟได้ทันก่อนจะลุกลาม

สำหรับในพื้นที่ สภ.ลำใหม่ อ.เมือง จ.ยะลา เวลา 03.40 น.มีรายงานเหตุเพลิงไหม้รถโฟค-ลิฟท์ และรถบรรทุก ภายในโรงงานผลิตท่อ และเวลา 03.45 น. เกิดเหตุเพลิงไหม้ที่ หจก.ยูเนียน พลาสติก เพลิงไหม้ตัวอาคาร เจ้าหน้าที่ดับเพลิงต้องระดมรถดับเพลิงเข้าควบคุมเพลิง ส่วนสาเหตุการเกิดเพลิงไหม้ทั้ง 6 จุดนี้ เบื้องต้นเจ้าหน้าที่เชื่อเป็นฝีมือของกลุ่มคนร้ายที่ต้องการสร้างสถานการณ์ในพื้นที่

ที่มา: http://www.manager.co.th/South/ViewNews.aspx?NewsID=9560000095116



30.7.56

เวลาเจ้าหน้าที่ ติดตามจับกุม ผู้ก่อเหตุ แล้วยิงต่อสู้เจ้าหน้าที่ แปลกนะครับ มักมีผู้พยายามสร้างกระแสว่าทำรุนแรง

เวลาเจ้าหน้าที่ ติดตามจับกุม ผู้ก่อเหตุ แล้วยิงต่อสู้เจ้าหน้าที่ แปลกนะครับ มักมีผู้พยายามสร้างกระแสว่าทำรุนแรง (สงสัยต้องให้เจ้าหน้าที่ ที่เข้าจับกุมถูกยิงเสียชีวิตซะก่อน ถึงจะไม่ว่ากัน แต่พวกแถ ก็คงว่าเจ้าหน้าที่ ยิงกันเองอีกล่ะ มันแถไปเรื่อยอยู่แล้ว) เวลาพี่น้องประชาชน ถูกทำร้าย โดยพวกมัน ไม่เห็นมีใครพูดถึง ก็เหมือนเรื่องใส่ร้ายที่ผ่านมา จะพิสูจน์ ออกมาแล้ว และโชคดีคือ แพทย์ ผู้ผ่าพิสูจน์ ก็เป็นมุสลิมในพื้นที่ และ ระหว่างการผ่าพิสูจน์ สามี ผู้เสียชีวิตก็เข้าไปดูด้วย ซึ่งไม่ติดใจสงสัย แต่ก็ยังมีพวก แถๆ อยู่ ซึ่งพวกนี้ลืมไปหรือเปล่า ว่า จุดเริ่มต้น มันคือ ระเบิด ไปด่าคนกดระเบิด บ้างสิ ไอ้คนกดตอนนี้ รู้สึกไงล่ะ ดีใจได้ผลงาน เจ้าหน้าที่โดนใส่ร้าย ภูมิใจล่ะสิ " ลืมไปรึเปล่าว่าสิ่งที่ทำไปทำให้ ครูมุสลิม ที่ดูแลให้เด็กๆมีความรู้ ไม่โง่โดนหลอก ไปก่อเหตุแบบพวก ึง จนถอนตัวออกมาไม่ได้เพราะมีคดีติดตัว , ต้องสูญเสีย คิดบ้างนะว่า เค้าก็มีญาติพี่น้อง มีลูกๆต้องดูแล สำนึกบ้างนะ

เมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม เจ้าหน้าที่ในพื้นที่อำเภอเจาะไอร้อง เข้าตรวจสภาพศพนายมะซูเปียน มามะ แนวร่วมผู้ก่อความไม่สงบ ที่ถูกเจ้าหน้าที่วิสามัญหลังพยายามยิงต่อสู้กับเจ้าหน้าที่ ขณะเข้าติดตามผู้ต้องสงสัย ในพื้นที่บ้านยานิง ตำบลจวบ อำเภอเจาะไอร้อง

เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง ในอำเภอเจาะไอร้อง จังหวัดนราธิวาส ได้เข้าตรวจสภาพศพนายมะซูเปียน มามะ แนวร่วมผู้ก่อความไม่สงบ ซึ่งถูกเจ้าหน้าที่วิสามัญฆาตกรรม เนื่องจากพยายามยิงต่อสู้กับเจ้าหน้าที่ ขณะเข้าติดตามผู้ต้องสงสัย ในพื้นที่บ้านยานิง ตำบลจวบ อำเภอเจาะไอร้อง ที่ได้ก่อเหตุลอบวางระเบิดทหารชุดสันติสุขที่ 404 ได้รับบาดเจ็บเมื่อ วันที่ 17 ก.ค.

จากคำบอกเล่าของเจ้าหน้าที่ ทราบว่า ขณะเข้าติดตามผู้ต้องสงสัย ในพื้นที่ดังกล่าว นายมะสุเพียน ซึ่งอาศัยอยู่ภายในบ้าน ได้ใช้อาวุธปืนพกขนาด 9 มม. ยิงใส่เจ้าหน้าที่ และกระโดดหลบหนีออกทางหน้าต่าง เจ้าหน้าที่จึงได้ไล่ติดตามภายในสวนยางพาราข้างบ้านพักของนายมะสุเพียน ขณะเดียวกัน นายมะสุเพียน ได้ใช้อาวุธปืนยิงใส่กลุ่มเจ้าหน้าที่อย่างต่อเนื่อง และถูกเจ้าหน้าที่วิสามัญเสียชีวิตในที่สุด โดยมีอาวุธปืนพกขนาด 9 มม. ตกอยู่ข้างศพของ นายมะสุเพียน 1 กระบอก พร้อมซองกระสุน 2 ซองและซองปืนอีก 1 ซอง

สำหรับนายมะซูเปียน เป็นแนวร่วมผู้ก่อความไม่สงบในกลุ่มนายซุลกิฟลี มานะ ที่เคลื่อนไหวอยู่ในพื้นที่อำเภอเจาะไอร้อง โดยมีหมายจับ ป.วิอาญา 4 หมาย และหมาย พ.ร.ก. อีก 1 หมาย

(ภาพข่าว vdo จากลิงก์ข่าว วิสามัญนายมะซูเปียน ที่เจาะไอร้อง http://www.youtube.com/watch?v=NiWdZJGKf5g )

สืบเนื่องจาก เมื่อเวลา 17.30 น.วันที่ 3 ธ.ค.55 มีเหตุครูถูกยิงเสียชีวิต 1 ราย เหตุเกิดริมถนนสาย บ.ตาโงะ-ป่าหวาย ในพื้นที่ ม.2 บ.ตาโงะ ต.มะรือโบออก อ.เจาะไอร้อง (ภาพข่าว vdo จากลิงก์ข่าว -ยิงครูสาวที่เจาะไอร้อง ก่อนฉก จยย.หนี http://77.nationchannel.com/home/313893/)

ที่เกิดเหตุ ซึ่งเป็นป่าสวนยางพารารกทึบทั้ง 2 ข้างทางที่มืดและเปลี่ยว โดยพบศพผู้เสียชีวิตนอนคว่ำหน้าจมกองเลือดอยู่ริมถนน ในสภาพสวมหมวกกันน็อค สว

มเสื้อผ้าชุดวอล์ม โดยตามร่างกายถูกกระสุนปืนพกสั้นขนาด 9 มม.และ .22 เข้าที่ลำตัว สีข้างและแผ่นหลังพรุนทั้งร่าง จากการตรวจสอบทราบชื่อคือ นางฉัตรสุดา นิลสุวรรณ อายุ 32 ปี อยู่บ้านเลขที่ 116/3 ม.8 บ.ป่าหวาย ต.สุไหงปาดี อ.สุไหงปาดี จ.นราธิวาส ซึ่งเป็นครู บุคลากรทางการศึกษา 2 ของโรงเรียนบ้านตาโง๊ะ ต.มะรือโบออก อ.เจาะไอร้อง ซึ่งห่างที่เกิดเหตุประมาณ 1 กม.ส่วนที่เกิดเหตุเจ้าหน้าที่ตรวจพบปลอกกระสุนปืนพกสั้นทั้งขนาด 9 มม.และ .22 ตกอยู่รวม 10 ปลอก พร้อมกระเป๋าโน๊ตบุ๊ค แฟ้มเอกสาร ตกอยู่ จึงได้เก็บรวบรวมไว้เป็นหลักฐาน

จากการสอบสวนนายยุทธิชัย นิลสุวรรณ อายุ 32 ปี ผู้เป็นสามีของครูฉัตรสุดาที่เดินทางมากอดศพภรรยาด้วยความเศร้าโศก ทราบว่า ก่อนเกิดเหตุครูฉัตรสุดากำลังขี่รถ จยย.ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นเวฟ สีน้ำเงิน-เทา ทะเบียน ขตฉ-449 นราธิวาส ออกจากโรงเรียนบ้านตาโง๊ะ หลังเสร็จจากการเตรียมรับการประเมินของคณะกรรมการ สำนักงานประเมินและรับรองตามมาตรฐานการศึกษา (สมศ.) ที่จะเดินทางมาประเมินการสอนของโรงเรียนบ้านตาโง๊ะในช่วงต้นสัปดาห์หน้า เป็นครั้งที่ 3 ซึ่งครูคนอื่นๆ ของโรงเรียนบ้านตาโง๊ะได้เดินทางกลับไปก่อนแล้ว เหลือเพียงภรรยาของตนเอง เมื่อถึงที่เกิดเหตุซึ่งห่างจากบ้านพักเพียง 400 เมตร ได้มีคนร้ายจำนวน 4 คนขี่รถ จยย.2 คันเป็นพาหนะตามประกบก่อนที่คนนั่งซ้อนทั้ง 2 คนจะชักอาวุธปืนพกสั้น 2 กระบอกยิงถล่มเข้าใส่ครูฉัตรสุดาจำนวน 10 นัด จนแน่ใจว่าเสียชีวิตแล้ว คนร้ายจึงได้นำรถ จยย.ของผู้ตายหลบหนีไปด้วย

www.facebook.com/narapeace เพจที่ไม่ใช่แค่ให้กำลังใจ เพื่อนๆ และ เจ้าหน้าที่ ใน จชต แต่เราร่วมลงพื้นที่ไปพร้อมๆกัน ให้กำลังใจกัน ช่วยเหลือกัน อยู่เคียงข้างกัน และมีสาระเพื่อเสริมสร้างความเข้าใจอันดี ในพื้นที่ ครับ



13.2.56

โจรใต้แต่งกายเลียนแบบเจ้าหน้าที่กว่า 50 คนบุกฐานทหารบาเจาะโดนสวนเป็นศพ 19 ศพ


โจรใต้แต่งกายเลียนแบบเจ้าหน้าที่กว่า 50 คนบุกฐานทหารบาเจาะโดนสวนเป็นศพ 19 ศพยึดปืน 14 กระบอกพบมีแกนนำ RKK ถูกสอยด้วย...

วันนี้ (13 ก.พ.) เกิดเหตุกลุ่มคนร้ายจำนวนไม่ต่ำกว่า 50 คน อาวุธครบมือ บุกเข้าโจมตีฐานนาวิกโยธิน ที่ฐานปฏิบัติการหมวดปืนเล็กที่ 2 สังกัดหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส 32หน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินภาคใต้ (ทหารเรือ)บ้านยือลอ ต.บาเระเหนือ อ.บาเจาะ จ.นราธิวาส เมื่อเวลาประมาณ 01.00 น.แต่ทางการข่าวจากอดีตแนวร่วมขบวนการฯ แจ้งเจ้าหน้าที่ไว้ล่วงหน้าว่า จะมีการปฏิบัติการใหญ่ จึงทำให้เจ้าหน้าที่รู้ล่วงหน้าและวางกำลังซุ่มรออยู่ที่ฐานปฏิบัติการหลายสิบนาย

เจ้าหน้าที่ทหารที่ดักซุ่มอยู่ ได้จู่โจมยิงกลุ่มคนร้าย เมื่อเข้าเขตระยะกระสุน จนเกิดการยิงปะทะกันอย่างดุเดือด เสียงปืนดังสนั่นอยู่ครู่ใหญ่ ก่อนเสียงจะสงบลง และรอเวลากระทั่งเช้าจึงเข้าเคลียร์พื้นที่เกิดเหตุ เบื้องต้นพบศพคนร้ายอย่างน้อย 19 ศพ ทั้งหมดแต่งกายคล้ายทหาร สวมเสื้อเกราะ ผูกผ้าพันคอ พบอาวุธปืนM16 และปืนสั้น 14 กระบอกตกในการก่อเหตุ และยึดรถยนต์ได้ 1คัน จักรยานยนต์อีก 1คัน

เมื่อตรวจสอบคนร้ายที่เสียชีวิต พบว่ามีนาย มะรอโซ จันทรวดี แกนนำกลุ่ม RKK คนสำคัญที่เคลื่อนไหวในพื้นที่ อ.บาเจาะ มีค่าหัว 2 ล้านบาท และ นาย ซาอุดี อาลี แกนนำอีกคนที่เคลื่อนไหวร่วมกันในพื้นที่ ด้านพ.ท.ปราโมทย์ พรหมอินทร์ โฆษก กอ.รมน.ภาค 4 ได้กล่าวแสดงความเสียใจกับครอบครัวของคนร้ายที่เสียชีวิต เพราะอย่างไรก็เป็นไทยด้วยกัน และจะแถลงข่าวสรุปเหตุการณ์ ในเวลา 9.00 น.

ที่มา: http://bit.ly/VeAyFv

Thai military kills 19 militants who attacked base.


Thai military kills 19 militants who attacked base.

On February 13, 2013. Thai soldiers killed 19 insurgents who launched a major attack on a military base in the country's violence-plagued south.

The death toll was the biggest inflicted on the Muslim guerrillas since fighting began nearly a decade ago.

A group of about 50 militants wearing military-like uniforms raided a marine corps base in Bacho district in Narathiwat province late Tuesday night.

The shootout ended with at least 19 militants killed while the rest fled.

Soldiers who fended off the attack suffered no casualties.

ประกาศเคอร์ฟิว


ประกาศเคอร์ฟิว เปิดฉากปฏิบัติการไล่ล่าโจรใต้ที่กำลังหลบหนีจากกรณีโจมตีฐานนาวิก จัดหนักจัดเต็ม...

กอ.รมน.ภาค 4 ประกาศใช้กฎอัยการศึกประกาศเคอร์ฟิว 24 ชม. 6 ตำบลใน 2 อำเภอ ของจ.นราธิวาสและปัตตานี ล่าโจรใต้

พล.ท.อุดมชัย ธรรมสาโรรัชต์ แม่ทัพภาคที่ 4 ได้ประกาศเคอร์ฟิว 4 ตำบลในจ.นราธิวาส และ 2 ตำบล ในจ.ปัตตานี เป็นเวลา 24 ชม.ตั้งแต่ 06.00 น. วันนี้ ถึง 06.00 น.วันพรุ่งนี้ (14 กุมภาพันธ์ 2556) เพื่อปิดล้อมตรวจค้นเร่งล่าคนร้าย

ด้าน พ.อ.ปราโมทย์ พรหมอินทร์ โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า หรือ กอ.รมน.ยืนยันถึงความจำเป็นประกาศเคอร์ฟิวพื้นที่ 6 ตำบล ใน 2 อำเภอของ จ.นราธิวาส และปัตตานี ซึ่งอยู่ใกล้จุดเกิดเหตุโจมตีฐานทหารนาวิกโยธิน 32 ใน อ.บาเจาะ จ.นราธิวาสเมื่อกลางดึกที่ผ่านมาว่า เพื่อความสะดวกในการติดตามกลุ่มคนร้าย ซึ่งได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก และความปลอดภัยของประชาชน โดยห้ามประชาชนออกนอกเคหะสถาน ตั้งแต่เวลา 06.00 น.วันนี้ถึง 06.00 น.วันพรุ่งนี้ ส่วนเหตุปะทะเมื่อคืน สามารถยึดอาวุธปืนสงครามได้ 16 กระบอก รถยนต์กระบะ 1 คัน และรถจักรยานยนต์อีก 1 คัน กลุ่มก่อความไม่สงบเสียชีวิต 16 คน

ทั้งนี้ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ได้ประกาศโดยใช้อำนาจตามกฎอัยการศึก มาตรา 11 วรรค 6 ประกาศเคอร์ฟิวในพื้นที่ 6 ตำบล 2 อำเภอ ซึ่งประกอบด้วย ตำบลบาเระเหนือ ตำบลบาเระใต้ ตำบลปะลุกาสาเมาะ และกาเยาะมาตี ในอำเภอบาเจาะ จังหวัดนราธิวาส และตำบลไทรทอง ตำบลดอนทราย อำเภอไม้แก่น จังหวัดปัตตานี ซึ่งเป็นพื้นที่รอยต่อกับสถานที่เกิดเหตุ

ที่มา: http://bit.ly/YbMvdT

24-hr curfew in six tambons (sub-districts) in Southernmost Thailand..


24-hr curfew in six tambons (sub-districts) in Southernmost Thailand...

The army has announced a 24-hour curfew until 6am Thursday in a total of six tambons in two provinces following the failed militant attack at a marine base in Bacho district of Narathiwat around 1am Wednesday.

The curfew will be implemented in four tambons of Bacho district of Narathiwat and two tambons in Mai Kaen district of Pattani. The curfew covers a 5km radius around the military base in tambon Tare Nua of Bacho district of Narathiwat.

The military found the bodies of 16 fully armed militants in military-type uniforms immediately after the attack on the base, which houses 60 marines. It is expected that more bodies will be found later.

Three of the bodies were identified as Maroso Chantrawadee, a leader of Runda Kumpulan Kecil (RKK) and wanted on an arrest warrant for the killing of Muslim schoolteacher Chonlathee Charoenchol, and Saduee Ali and Sabiri Lotase.

There were no marine casualties..
read more: http://bit.ly/12KvKMk

9.1.56

โลห์มนุษย์ HuMan armor.




นักรบปัตตานี Patani Fighter ---------- วีรบุรุษไทย Thai Military



The Evolving Conflict in the South Asia Report N°24111 Dec 2012 EXECUTIVE SUMMARY AND RECOMMENDATIONS


Thailand: The Evolving Conflict in the South Asia Report N°24111 Dec 2012 EXECUTIVE SUMMARY AND RECOMMENDATIONS RECOMMENDATIONS To the Government of Thailand: 1. Develop a unified approach to transforming the conflict based on full implementation of the National Security Council (NSC) Administration and Development Policy for Southern Border Provinces, 2012-2014, by undertaking to: a) create a cross-party consensus, possibly embodied in a national accord, that resolution of the conflict is a national priority; b) establish a durable non-partisan mechanism mandated by the prime minister’s office and including respected individuals, in and out of government, to pursue dialogue with insurgent representatives; c) commit to serious consideration of political decentralisation, consistent with the principle of a unitary state as enshrined in the constitution, with the aim of drafting legislation; and d) engage with civil society initiatives that seek to foster more representative government and peaceful conflict resolution. To the Separatist Movement: 2. Acknowledge that the protracted violence is detrimental to the well-being and development of the population in the southernmost provinces. 3. Observe obligations of non-state armed actors under international humanitarian law and abide by the rules of engagement issued by the Patani United Liberation Organisation, which prohibit attacks on civilians, displacement of the civilian population and acts of retribution. 4. Recognise that self-determination and maintenance of Thailand’s territorial integrity and sovereignty are compatible and prepare to respond to initiatives by state representatives and civil society to pursue dialogue on peaceful conflict resolution. To Civil Society Organisations: 5. Expand bases of popular support through continued community outreach, while maintaining channels of communication with officials and militants. 6. Avoid advocating preconceived political agendas and instead inform debate on political reform and conflict resolution by identifying and expressing popular concerns and preferences. Bangkok/Brussels, 11 December 2012