การชุมนุมประท้วงได้ยืดเยื้อไปจนถึงเวลา
ประมาณ 1500 น. เจ้าหน้าที่ชั้นผู้ใหญ่ที่อยู่ในพื้นที่ในขณะนั้นพล.ท.
พิศาล วัฒนวงษ์คีรี มทภ.4 พล.ต.ท. มาโนช ไกรวงศ์ ผบช.ภ.9
นายศิวะ แสงมณี รองปลัดกระทรวงมหาดไทย
ฯลฯ ได้ประชุมหารือกันที่ห้องประชุม สภ.อ.ตากใบ เพื่อหาทางยุติการชุมนุม
ประท้วงจนได้ข้อยุติว่าให้ใช้มาตรการสลายการชุมนุมเบื้องต้นได้สั่งใช้รถดับ
เพลิงฉีดน้ำเข้าใส่ผู้ชุมนุมประท้วงเพื่อสลายการชุมนุมแต่กลุ่มผู้ประท้วง
กลับใช้ก้อนหินและสิ่งของที่หาได้ในบริเวณนั้นขว้างปาใส่เจ้าหน้าที่
ซึ่งมีเจ้าหน้าที่ ตำรวจ ทหาร ทพ. นย.
และเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองอยู่ตลอดเวลาทำให้เจ้าหน้าที่ได้รับบาดเจ็บหลาย
นาย ฝ่ายเจ้าหน้าที่จึงได้ใช้แก๊สน้ำตาและยิงปืนขึ้นฟ้าจนกระทั่งควบคุม
สถานการณ์ไว้ได้ สามารถจับกุมแกนนำและกลุ่มผู้ประท้วงได้จำนวน
1,288 คน และตรวจพบอาวุธจำนวนหลายรายการ
เบื้องหลังเหตุการณ์กับดักขบวนการลวงประชาชน
1. นายกามา อาลี อายุ 37 ปี/52 อยู่บ้านเลขที่ 137
ม.5 บ.โคกกูแว ต.พร่อน อ.ตากใบ จว.น.ธ. หน.ชรบ. บ.โคกกูแว
ฯ ซึ่งถูกดำเนินคดี พร้อมพวกอีก 5 คน ( ชรบ.ผู้ใต้บังคับบัญชา )
ในข้อหาร่วมวางแผนปล้นปืน ชรบ. บ.โคกกูแวฯ ทั้ง 6 คนให้การรับสารภาพ
จนนำไปสู่การชุมนุมประท้วงเหตุการณ์ตากใบ เมื่อ 25 ต.ค.47
โดยศาลพิพากษาจำคุก 7 ปี ภายหลังได้รับการลดหย่อนเหลือจำคุกเพียง 3 ปี 6
เดือนตามคดีดำที่ 1639/2547 คดีแดงที่ 1638/2547 ลง 8
ธ.ค.47 โดยพ้นโทษ เมื่อ 28 มี.ค.51 ต่อมานายกามาฯ
ถูกควบคุมตัวอีกครั้งหนึ่ง เมื่อ 6 มิ.ย.51
เนื่องจากตกเป็นผู้ต้องสงสัยว่าก่อความไม่สงบในพื้นที่ อ.ตากใบ ฯ
2. ความเกี่ยวข้องกับกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบจากการสัมภาษณ์หลังถูกจับ
2.1 ประมาณเดือน พ.ค.-
มิ.ย.47 นายกามาฯ ยอมรับว่าถูกชักชวน/ปลุกระดมจากนายไชนุง ยะปา ราษฎร
บ้านเลขที่ 167 ม.5 บ.โคกกูแว ต.พร่อน อ.ตากใบฯ ในขณะนั้นนายไชนุงฯ
เป็นครูสอนศาสนา ร.ร.ตาดีกานูรลูฮูดาห์ บ.โคกกูแวฯ โดยใช้อาคารโรงเรียน ตาดีกา เป็นสถานที่บรรยายปลุกระดม โดยมี นายอับดุลเลาะ บีเบ๊าะ บุตรชายโต๊ะอิหม่ามมัสยิด นูรลู
ฮูดาห์ และนายอาแว บินมะ อดีตสมาชิก อบต. ม.5
บ.โคกกูแวฯ คอยช่วยเหลือ/จัดหาสมาชิกมาเข้ารับฟังการบรรยายปลุกระดมทั้งสอง
คนร่วมกันเป็นผู้ชักชวนลักษณะบังคับขู่เข็ญให้ราษฎรในหมู่บ้านเข้าเป็นแนวร่วมหากปฏิเสธก็จะได้รับอันตรายหรือถูกทำร้ายโดยมีสมาชิก/แนวร่วมในหมู่บ้านโคกกูแวฯ ประมาณ 20 คน ซึ่งแบ่งออกเป็นกลุ่มย่อย ๆ กลุ่มละประมาณ 5 - 6 คน เพื่อเข้ารับฟังการบรรยายแต่ละครั้ง ในแต่ละครั้งใช้เวลาประมาณ 30 นาที
2.2 ผู้ที่กระทำพิธีสาบานตน (ซูมเปาะ) ให้กับนายกามาฯ คือ นายไชนุงฯ โดยเอามือประสานกันและให้สัญญาว่าจะต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ของขบวนการแบ่งแยกดินแดนเท่าที่จำได้ จำนวน 4 ข้อ คือ
1) ต้องเข้าร่วมกิจกรรมตามที่ได้รับคำสั่ง
2) ช่วยกันบริจาคเงินหรือทรัพย์สิน
3) ขอพรต่อพระเจ้าให้ปฏิบัติงานสำเร็จตามเป้าหมาย
4) ต้องสมัครใจเข้ารับการฝึกร่างกาย, ยุทธวิธีต่าง ๆ หรือการฝึกยิงปืนหรือวางระเบิด
2.3 การเตรียมก่อเหตุ
- ก่อนเกิดเหตุเมื่อประมาณเดือน ก.ย.47 ได้มีการร่วมประชุมวางแผนที่ ร.ร.ตาดีกานูรลูฮูดาห์ ม.5
บ.โคกกูแว ต.พร่อน อ.ตากใบฯ จำนวน 3 ครั้ง และ
นายนิเซ็ง นิสุหลง/นิมุ อายุ 38 ปี/51 แกนนำใน อ.ตากใบฯ
ได้โทรศัพท์ไปหานายกามาฯ และข่มขู่ให้นำอาวุธปืนของ ชรบ.ไปให้
หากคนใดไม่ให้หรือขัดขืนจะทำร้ายทั้งผู้ที่ขัดขืนและครอบครัวด้วย โดยให้นำอาวุธปืนไปไว้ตามที่นัดในวันที่ 11 ต.ค.47
2.4 ข้อเท็จจริงวันเกิดเหตุจุดเริ่มต้นของกับดัก
- เมื่อ 11 ต.ค.47 เวลาประมาณ 1800 นายนิเซ็งฯ ได้สั่งการให้นายกามาฯ ไปบอกกับ ชรบ.ทุกคนนำปืนไปที่คลองชลประทานตามจุดที่นัดหมายไว้ และในเวลาประมาณ 1900 นายนิเซ็งฯ และนายรอมอลีฯ ได้เดินทางมารับอาวุธปืนไป โดยใช้รถ จยย. จำนวน 2 คัน ยี่ห้อ ฮอนด้าเวฟ สีน้ำเงิน (ไม่ทราบหมายเลขทะเบียน) สำหรับนายรอมอลี ฯ ขับขี่ตามหลังโดยไม่ทราบว่าเดินทางไปที่ใด
3. พฤติกรรมหลังการจับกุมเวลาที่ขบวนการรอปลุกระดม
- เมื่อประมาณกลางเดือน ต.ค.47 นายกามาฯ ถูก จนท.ตร.สภ.ตากใบฯ จับกุมตัว ที่บ้านพักในข้อหาร่วมปล้นปืนของทางราชการ พร้อมเพื่อน รวม 6 คน โดย ควบคุมตัวไว้ที่ สภ.ตากใบฯ จำนวน 8 วัน จึงได้ย้ายสถานที่ควบคุมไปไว้ที่ สภ.เมืองนราธิวาส จำนวน 5 วัน ขณะที่ถูกควบคุมตัว ที่ สภ.เมืองนราธิวาส ได้มีราษฎรในพื้นที่ ๓ จชต. มาร่วมชุมนุมประท้วงเพื่อให้ปล่อยตัวผู้ต้องหาทั้งหมด จากการวางแผนเตรียมปล่อยข่าวลือ และปลุกระดมชาวบ้านโดยการเตรียมการของขบวนการ ซึ่งเป็นมูลเหตุแห่งการชุมนุมประท้วงที่หน้า สภ.ตาก
ใบฯ เมื่อ 25 ต.ค. 47 และปิดกั้นไม่ให้ผู้ชุมนุมกลับบ้าน
จากเหตุการณ์ดังกล่าวทำให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก และกลุ่มก่อ
ความไม่สงบนำเอาเหตุการณ์ดังกล่าว มาเป็นข้อกล่าวอ้างในการชี้นำ/ปลุกระดม
ว่า จนท.จับกุม และทำร้ายผู้บริสุทธิ์ตามแผนที่วาง
ไว้ก่อนแล้วเพื่อเป็นเงื่อนไขของพื้นที่
และให้องค์กรสิทธิมนุษยชนเข้าร่วมจุดกระแสเพื่อให้ประชาคมโลกมองภาพ
เหตุการณ์ว่าเป็นการใช้อำนาจของรัฐรังแกชนกลุ่มน้อยใน 3
จังหวัดชายแดนภาคใต้อย่างไร้มนุษยธรรม
- ขบวนการ BRN Co - ordinate อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ชุมนุมประท้วงที่หน้า สภ.ตากใบ เมื่อ 25 ต.ค. 47 มีการวางแผนเป็นขั้นเป็นตอน โดยการหลอกลวง ข่มขู่ และบีบบังคับให้ ชรบ.นำอาวุธ ไปมอบให้ขบวนการฯ ซึ่งเป็นการกระทำผิดกฎหมายจนนำไปสู่การจับกุม หลังจากนั้นปลุกระดมให้ราษฎรชุมนุมประท้วงกดดันให้ จนท.ปล่อยตัวเตรียมการและใช้รถขนคนมาร่วมชุมนุมประท้วง ก่อเหตุจลาจลเพื่อยั่วยุให้ จนท.ใช้กำลังเข้าสลายการชุมนุมจนทำให้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้น สร้างบาดแผลร้าวลึกในสังคม จชต. ซึ่งผลสุดท้ายเวลาเป็นเครื่องพิสูจน์จนทำให้ นายกามาฯ เข้าใจเป็นอย่างดีว่าตนเองถูกหลอกจากกลุ่มก่อความไม่สงบและได้
สำนึกผิดกับการกระทำของตนเอง ที่ทำให้เกิดเหตุการณ์ชุมนุมประท้วงที่หน้า
สภ.ตากใบฯ เป็นเหตุให้พี่น้องชาวไทยที่นับถือศาสนาอิสลาม บาดเจ็บ
และเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก ซึ่งไม่มีผลดีเลยที่จะนำ
เรื่องเหตุการณ์ตากใบมาเป็นเครื่องมือในการเคลื่อนไหวตอกย้ำความรู้สึก
ประชาชนให้ผูกยึดกับความสูญเสีย และทำให้ผู้ร้ายตัวจริงคือ
กลุ่มขบวนการแสวงประโยชน์จากการสูญเสียของประชาชนที่หลงกล
และทำร้ายผู้บริสุทธิ์ทุกวัน
การดำเนินการเยียวยาช่วยเหลืออย่างต่อเนื่อง
1. ญาติของผู้เสียชีวิตได้ฟ้องคดีแพ่งกับส่วนราชการดังนี้.-
ศาล จว.ป.น. ดำเนินการฟ้องเป็น 3 สำนวน
1. คดีหมายเลขดำที่ 899/2548
2. คดีหมายเลขดำที่ 903/2548
3. คดีหมายเลขดำที่ 911/2548
ศาล จว.ป.น. ได้นำสำนวน
3 สำนวนเข้าสู่กระบวนการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทตั้งแต่ 19 มิ.ย.49
จนถึง 7 พ.ย.49 โดยโจทย์ทั้ง 3
สำนวนฟ้องเรียกค่าเสียหายจากจำเลยในความผิดฐานละเมิด เป็นเงิน ๑๐๗,๔๔๘,๘๗๓
บาท ทั้ง 2 ฝ่าย ได้นำหลักเกณฑ์ในการคำนวณค่าขาดไร้อุปการะ
ค่าปลงศพและค่าใช้จ่ายอันจำเป็นอย่างอื่น จึงเหลือยอดเงินจำนวน 42,201,000 บาท จำเลยได้นำเงินดังกล่าวไปวางที่ศาลครบถ้วนแล้ว คดีแพ่งทั้ง๓ คดีจึงยุติ
ศาล จว.น.ธ. ดำเนินคดีเป็น ๔ สำนวน
1. คดีหมายเลขดำที่ 150/2549
2. คดีหมายเลขดำที่ 734/2548
3. คดีหมายเลขดำที่ 733/2548
4. คดีหมายเลขดำที่ 744/2548
รวม 4 คดี โจทย์รวม 30 คน เรียกค่าเสียหายรวม 22,637,999.57 บาท
เมื่อ 5 มิ.ย. 50 ศาล จว.น.ธ. ได้นัดไกล่เกลี่ยข้อพิพาทโดยคู่ความทั้ง 2
ฝ่าย ได้ตกลงค่าเสียหายและเข้าสู่กระบวนการไกล่เกลี่ยข้อพิพาท โดยโจทย์ทั้ง
4 สำนวนฟ้องร้องค่าเสียหายจากจำเลยในความผิดฐานละเมิดจาก 22,637,999.57
บาท เหลือจำนวน 6,935,500 บาท ซึ่งเมื่อ 9 ส.ค.50 ศาล จว.น.ธ.
ได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความระหว่างโจทย์กับจำเลย
พร้อมกับโจทย์ทั้งหมดได้ยื่นคำร้องถอนฟ้องแล้ว ศาลได้ตรวจดูสัญญาประนีประนอมยอมความแล้วเห็นว่าไม่เป็นการฝ่าฝืนกฎหมาย จึงพิพากษาให้เสร็จเด็ดขาดไปตามสัญญา
2. รัฐบาล
ปัจจุบันโดย นายกรัฐมนตรียิ่งลักษณ์ ชินวัตร
ได้มีมติคณะรัฐมนตรีให้จ่ายเงินเยียวยาโดย ศอ.บต. พิจารณาเยียวยาตามผู้ร้อง
ผู้เสียหายที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ตากใบคนละ 7,500,000
บาท รวมทั้งการช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม คุณธรรมจากภาครัฐด้วยดี
ตั้งแต่เกิดเหตุการณ์จนถึงปัจจุบันจนผู้ได้รับผลกระทบมีชีวิต
และจิตใจดีขึ้นกว่าอดีตที่ผ่านมา
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น