18.11.55

เหตุการณ์ระเบิดในเขตเมืองยะลา เมื่อ 17 พ.ย. 55

เนื่องด้วย เมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ.2555 เวลาประมาณ 7 นาฬิกา เกิดเหตุระเบิดจากการกระทำของผู้ก่อเหตุรุนแรง บริเวณหน้าอาคารราชพัสดุ สำนักงานชุมสาย 
TOT ตำบลสะเตง อำเภอเมือง จังหวัดยะลา กลุ่มคนร้ายได้นำระเบิดแสวงเครื่องประกอบในรถจักรยานยนต์ ที่ปล้นมาจากราษฎร
เมื่อ 2 เดือนก่อน มาจอดไว้และจุดระเบิด ผลของการระเบิดปรากฏมีประชาชนที่เป็นผู้หญิง เสียชีวิต จำนวน 1 คน และบาดเจ็บ จำนวน 27 คน มี 2 คน ในผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ เป็นเด็ก อายุ 4 ปี ชื่อ ด.ช. ธนกร บัวศรี และ เยาวชน อายุ 16 ปี ชื่อ นาย สุทธิลักษณ์ จิตร์แก้ว ประชาชนที่บาดเจ็บทั้งหมดมีทั้งผู้ที่นับถือศาสนาพุทธ และ พี่น้องมุสลิม ได้แก่ นส.อัซฮา สาอุ ,นส.นูรมารี ดอเลาะ และ นส. ซูไรยา เจ๊ะอิง เป็นต้น ในขั้นต้น เจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วน และ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ต่างรู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และขอให้กำลังใจกับผู้ประสบเหตุการณ์ครั้งนี้ทุกท่าน โดยได้รีบเร่งดำเนินการเพื่อให้ความช่วยเหลือทุกคนที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ทันที
จากผลการจุดระเบิดสร้างความเสียหาย ให้กับชีวิต และทรัพย์สินของราษฎร โดยกลุ่มผู้หลงผิด หลงเชื่อคำยุยงของผู้ไม่หวังดีต่อประเทศชาติ ตามข้างต้น กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ขอความร่วมมือจากประชาชน ส่วนราชการ ภาครัฐวิสาหกิจ ได้ให้ความร่วมมือต่อทางราชการ ประกอบด้วย
ประการที่ 1 รับรู้ รับทราบ ผลความเสียหายทั้งชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน เกิดจากการกระทำของกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรง ที่หวังเพียงสร้างสถานการณ์เรียกร้องความสนใจ จากสื่อมวลชน และ องค์กรต่างประเทศ โดยเฉพาะมีเด็ก เยาวชนที่มีอายุระหว่าง 4 – 16 ปี บาดเจ็บ และมีสตรีเสียชีวิต จำนวน 1 คน และบ้านเรือนร้านค้าเสียหายหลายหลัง ส่วนประชาชนผู้ได้รับบาดเจ็บมีทั้งผู้นับถือศาสนาพุทธ และอิสลาม
ประการที่ 2 การที่จะช่วยกันระงับ ยับยั้งเหตุร้ายต่าง ๆ ไม่เฉพาะเรื่องระเบิด เรื่องเผาโรงเรียน เรื่องมีคนแปลกหน้าเข้ามายิงทำร้ายที่บ้านหรือระหว่างทาง ถึงเวลาแล้วที่ประชาชน ต้องช่วยกัน
จะปล่อยทหาร ตำรวจ อาสาสมัคร แต่เพียงลำพังไม่ได้ เพราะทหาร ตำรวจ ต้องดูแลประชาชน อีกหลายพื้นที่ทั้งกลางวัน และกลางคืน รวมทั้งการติดตาม จับกุมคนร้ายมาดำเนินคดีตามกฎหมาย ทำลายแหล่งซุกซ่อน สะสมอาวุธ ของกลุ่มผู้ไม่หวังดี ทั้งนี้จะได้ขอวิงวอน องค์กรภาคประชาชน ,(NGO) ,องค์กรภาคประชาสังคม,ผู้รู้ทางศาสนา,ผู้นำทางศาสนา,นักวิชาการ,หน่วยงานราชการทุกสาขา,เจ้าหน้าที่,พนักงานของรัฐ ,สื่อมวลชน, องค์กรระหว่างประเทศ และคนไทยทั้งประเทศต้องร่วมกันให้กำลังใจ ประชาชนในพื้นที่ และเจ้าหน้าที่
ซึ่งปฏิบัติงานในพื้นที่ด้วยความยากลำบาก เพื่อร่วมกันปกป้องประชาชน และผ่านพ้นเหตุการณ์ นำสันติสุขกลับมาสู่จังหวัดชายแดนภาคใต้ร่วมกัน
ประการสุดท้าย รัฐบาล และ หน่วยงานด้านความมั่นคงทั้งฝ่ายทหาร ตำรวจ พลเรือน โดยกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน ,ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ ,กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า และกระทรวงต่างๆทั้ง 17 กระทรวง และ 66 หน่วยงาน เช่น กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการศึกษา กระทรวงยุติธรรม หน่วยงานด้านนิติวิทยาศาสตร์ หน่วยงานด้านการพัฒนาเทคโนโลยี เป็นต้น ทุกภาคส่วนไม่เคยนิ่งนอนใจกับสถานการณ์ ความทุกข์ร้อน ของประชาชน
3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และ 4 อำเภอของจังหวัดสงขลา ต่างทุมเททุกมิติทั้งบุคคล และเทคโนโลยี
เพื่อแก้ปัญหาความไม่สงบให้ผ่านพ้นไปให้ได้ เพราะขบวนการผู้ไม่หวังดี และ ผู้หลงผิด ยังมีความพยายามที่จะก่อเหตุร้ายตลอดเวลา ทุกองค์กร ทุกภาคส่วน จะต้องช่วยกันหยุดยั้งพฤติกรรมของกลุ่มผู้ก่อเหตุทุกประการด้วยการแสดงออกถึงการปฏิเสธความรุนแรงในทุกรูปแบบ รวมทั้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ,ภาคประชาสังคม หรือกลุ่ม NGO และกลุ่มองค์การนักศึกษาสถาบันอุดมศึกษา ปัญญาชน ทุกกลุ่ม ขอเรียนให้ทุกท่าน
ได้ออกมาช่วยเหลือปกป้องประชาชนผู้บริสุทธิ์ จะเป็นไทยพุทธหรือมุสลิม อย่างเสมอภาค และถึงแม้นว่าไม่แสดงออกก็ขอวิงวอนอย่าไปสนับสนุน ในทางใดทางหนึ่ง แม้แต่การกล่าวโจมตีเจ้าหน้าที่ ที่ปฏิบัติงานด้วยความเสียสละ ซึ่งเจ้าหน้าที่ทุกคนต่างทำงานหนัก เฝ้าตรวจ ติดตาม ดูแลความทุกข์ของประชาชนอย่างที่
ทุกท่านได้เห็นทุกวัน ทุกคืน ขอให้ประชาชนได้แสดงออกถึงความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียว และเป็นกลุ่มก้อนในการปฏิเสธการใช้ความรุนแรงของกลุ่มผู้ก่อเหตุ ทุกประเภทเพื่อหยุดยั้งการกระทำที่ขาดมนุษยธรรมของกลุ่มบุคคลที่มีพฤติกรรมรุนแรง สุดโต่ง เช่นนั้นตลอดไป

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น