18.11.55

เหตุการณ์ ระเบิดรางรถไฟพื้นที่ อ.รือเสาะ เมื่อ 18 พ.ย.55


เนื่องด้วย เมื่อวันที่ ๑๘ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๕๕ เวลา ๐๗๑๕ ได้มีคนร้ายไม่ทราบจำนวนมากกว่า ๕ คนได้ก่อเหตุลอบวางระเบิดทางรถไฟสถานีย่อย บ้า
นตะโละบูกิตยือแร จำนวน ๒ ลูก เป็นเหตุให้ขบวนรถไฟที่ ๔๕๓ เส้นทางขาลง ยะลา – สุไหงโก- ลก ขณะมีผู้โดยสารเดินทางมากับขบวนรถไฟตกราง บริเวณบ้านสะโลว์ หมู่ที่ ๗ ต.รือเสาะ อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส หลังจากรถไฟตกราง กลุ่มคนร้ายได้ระดมยิงเข้าใส่ขบวนรถไฟใส่บริเวณตู้รถไฟที่มีเจ้าหน้าที่ เพื่อแย่งชิงอาวุธแต่เจ้าหน้าที่อาสาสมัครรถไฟได้ระดมใช้อาวุธประจำกายตอบโต้ เพื่อปกป้องชีวิต และทรัพย์สินประชาชน ทำให้คนร้ายทั้งหมดหลบหนีไป หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ ๓ ฝ่าย จึงรีบดำเนินการนำผู้บาดเจ็บส่งไปรักษาพยาบาล โรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์ทันที จากเหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้มีผู้เสียชีวิต และบาดเจ็บ ดังนี้.-
๑. อส.พรากร ขุนแก้ว อายุ ๒๕ ปี เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ
๒. เจ้าหน้าที่ตำรวจ และอาสาสมัคร บาดเจ็บ จำนวน ๕ นาย
๓. ประชาชนทั่วไปทั้งชาวไทยพุทธ และชาวไทยมุสลิม บาดเจ็บ จำนวน ๘ ราย
๔. เยาวชนชาวไทยมุสลิม บาดเจ็บ จำนวน ๓ ราย
จากรายละเอียดการกระทำของกลุ่มผู้หลงผิด และไม่หวังดีต่อประเทศชาติข้างต้น ทำให้ทรัพย์สินของทางราชการซึ่งเป็นสาธารณสมบัติของประชาชนชาวไทยทุกคนเสียหาย และมีทั้งเจ้าหน้าที่เสียชีวิต ประชาชน และเยาวชน ได้รับบาดเจ็บ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค ๔ ส่วนหน้า ขอชี้แจงทำความเข้าใจ
ต่อประชาชน ส่วนราชการ ภาครัฐวิสาหกิจ องค์กรภาคประชาสังคม และสื่อมวลชน เพื่อทราบประกอบด้วย
ประการที่ ๑ การกระทำด้วยวิธีการลอบวางระเบิดของกลุ่มคนร้ายครั้งนี้ใช้ระเบิดแสวงเครื่อง บรรจุในถังแก๊สจุดชนวนด้วยการลากสายไฟฟ้าไว้ใต้ทางรถไฟ ซึ่งการกระทำด้วยวิธีการไร้มนุษยธรรมประเภทนี้ ไม่คำนึงว่าจะเกิดการสูญเสียทั้งชีวิต และทรัพย์สิน ของประชาชนรวมถึงสาธารณสมบัติของชาติ เป็นจำนวนมาก ขอให้ทุกภาคส่วน และองค์กรด้านสิทธิมนุษยชน ออกมาร่วมแสดงออก ประณามการกระทำดังกล่าวเป็นการกระทำของผู้ที่ไม่มีสามัญสำนึกของการรักษาไว้ซึ่งสิทธิมนุษยชน ทั้งนี้ทางราชการกำลังเร่งตรวจสอบหาหลักฐาน วัตถุพยาน สืบสวน สอบสวน รวบรวมหลักฐาน เพื่อนำตัวกลุ่มคนร้ายมาดำเนินคดีตามกฎหมาย และเร่งดูแลครอบครัวผู้เสียชีวิต บาดเจ็บ ทันที โดยร่วมกันทุกฝ่ายทั้งทหาร ตำรวจ และพลเรือน
ประการที่ ๒ ผู้โดยสารรถไฟ ประชาชนที่เดินทางไป – มา ต่างเป็นประชาชนผู้ใช้ชีวิตปกติประจำวันมีทั้งเด็ก สตรี คนชรา นักบวช และผู้นำศาสนา โดยเฉพาะผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวน ๑๑ ราย เป็นเยาวชนมุสลิมอายุ ๑๒ ปี จำนวน ๓ ราย ทั้งหมดล้วนเป็นผู้ที่มิได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับฝ่ายหนึ่ง ฝ่ายใด รวมทั้งกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงแต่ประการใด
ประการที่ ๓ เหตุจูงใจในการกระทำของกลุ่มขบวนการผู้ไม่หวังดี หลอกลวง ให้ผู้กระทำผิดลงมือปฏิบัติการในครั้งนี้ก็เพียงหวังให้เกิดเหตุร้ายแรงใหญ่โต เพื่อประโคมข่าวเกิดเป็นที่สนใจของสาธารณชนทั่วโลกในสังคมกว้าง เพราะรถไฟตกรางนั้นเป็นเหตุใหญ่ร้ายแรง โดยไม่คำนึงว่าเส้นทางคมนาคมขนส่งที่ประชาชน
๓ จังหวัดภาค ใต้ผู้มีรายได้น้อยนิยมใช้ในการเดินทาง และขนส่งมากที่สุด ถือได้ว่าเป็นเส้นเลือดของการเดินทางของจังหวัดชายแดนภาคใต้เพราะเป็นบริการสาธารณะของประเทศไทยที่รัฐบาลได้ให้บริการในราคาถูก ประหยัด ที่ทุกคนต้องช่วยกันดูแลรักษา แต่กลุ่มผู้ไม่หวังดีกลับไม่คำนึงถึงแต่กลับมุ่งทำลายสร้างความเสียหาย ซึ่งนำมาถึงความเสียใจ เศร้าโศก ของพี่น้องทั้งชาวไทยพุทธ – ชาวไทยมุสลิม และประชาชนชาวไทยทั้งประเทศ รวมถึงรัฐบาลที่พยายามเร่งพัฒนาคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับพี่น้องมุสลิม ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้ อย่างต่อเนื่อง
ประการที่ ๔ กองอำนวยรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร และกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค ๔ ส่วนหน้า ขอเรียนให้ประชาชน, องค์กรภาคประชาสังคม, NGO และสื่อมวลชน ว่าสถานการณ์ได้มีการพัฒนาไปในทางที่ดี แต่ประชาชนทั่วประเทศก็ยังเป็นห่วง และมีความหวั่นไหวต่อเหตุการณ์ ซึ่งก็เป็นเรื่องธรรมดาแต่ประการสำคัญความช่วยเหลือในการนำเสนอ การอธิบายต่อประชาชนชาวไทย และชาวต่างชาติ ทุกส่วนขอได้ช่วยกันเพราะเป็นเรื่องสำคัญ ซึ่งหากเราทุกฝ่ายได้ช่วยกันเพื่อเห็นแก่ประโยชน์ของชาติเป็นสำคัญ ก็จะช่วยทำให้ความรู้สึกของประชาชนส่วนรวม และชาวต่างชาติรู้สึกดีขึ้น ในขณะเดียวกันก็จะทำให้การใช้กลยุทธ์ของกลุ่มผู้ไม่หวังดี “การโหมกระพือข่าวจากสถานการณ์ของกลุ่มผู้ก่อเหตุ” บรรเทา เบาบางลงไป ตามลำดับของสถานการณ์
ประการที่ ๕ รัฐบาล และหน่วยงานด้านความมั่นคงทั้งฝ่ายทหาร ตำรวจ พลเรือน โดยกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร, ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้, กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค ๔ ส่วนหน้า และกระทรวงต่างๆทั้ง ๑๗ กระทรวง และ ๖๖ หน่วยงาน เช่น กระทรวงมหาดไทย กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงยุติธรรม กระทรวงพัฒนาสังคม และความมั่นคงของมนุษย์ เป็นต้น ทุกส่วนไม่เคยนิ่งนอนใจกับสถานการณ์ และความทุกข์ใจของประชาชนชาวไทย ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้ และ ๔ อำเภอของจังหวัดสงขลา ทุกหน่วยงาน และรัฐบาลต่างมุ่งมั่น ทุ่มเททรัพยากร บุคคล นักวิชาการ รวมทั้งเทคโนโลยีที่ทันสมัย เพื่อแก้ไขปัญหาความไม่สงบ ให้กลับมาสันติสุขดั่งเช่นแต่ก่อน แต่ทั้งนี้ต้องอาศัยปัจจัยเวลาในการแก้ไขปัญหาเพราะกลุ่มขบวนการผู้ที่ไม่หวังดียังมีความพยายามที่ใช้การล่อลวงด้านเชื้อชาติ ศาสนา ให้ผู้หลงผิด
ก่อเหตุร้ายตลอดเวลา ทั้งนี้ทุกองค์กร ทุกภาคส่วน จะต้องช่วยกันหยุดยั้งพฤติกรรม และต่อต้านการก่อเหตุรุนแรงทุกประการ ร่วมกันแสดงออกถึงการปฏิเสธความรุนแรงในทุกรูปแบบ จึงขอวิงวอนให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น, ภาคประชาสังคม,กลุ่ม NGO และกลุ่มองค์กรนักศึกษาปัญญาชนทุกกลุ่ม ได้ออกมาร่วมปกป้องผู้บริสุทธิ์ ไม่ว่าจะเป็นประชาชนชาวไทยพุทธ หรือมุสลิม อย่างเสมอภาค ทั้งนี้เจ้าหน้าที่รัฐทุกภาคส่วนพร้อมปฏิบัติหน้าที่ปกป้องชีวิต และทรัพย์สินของประชาชนทุกหมู่เหล่า ด้วยความเสียสละอย่างเต็มความสามารถ
จึงแถลงมาเพื่อทราบ
------------------------------------------------------

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น